MTS Help Center

ค่าเงินปอนด์ร่วงลง 1.9% แตะระดับ 1.3433 ปอนด์/ดอลลาร์ โดยปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 31 ปี บริเวณ 1.3228 ปอนด์/ดอลลาร์ในช่วงการซื้อขายวันศุกร์ที่ผ่านมา

ด้านค่าเงินยูโรได้รับแรงกดดันโดยปรับตัวลง 0.8% เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ แตะระดับ 1.1031 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับต่ำสุดในวันศุกร์แตะระดับ 1.0912 ดอลลาร์/ยูโร ขณะที่ดัชนีดอลลาร์เช้านี้ ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 96.314

ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ประกาศออกมาลดลงมากกว่าคาด โดยออกมาที่ระดับ -2.2% (เดิม -0.8%, คาดการณ์ -0.5%) ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานออกมาที่ระดับ -0.3% (เดิม 0.5%, คาดการณ์ 0.1%)+

น้ำมันดิบ WTI ปิด - 4.9% ที่ระดับ 47.64 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด -4.9% เช่นกันที่ระดับ 48.41 เหรียญ/บาร์เรล จากผลการลงประชามติอังกฤษจึงทำให้ตลาดเกิดแรงเทขายอย่างต่อเนื่อง

นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ ต่างคาดการณ์ว่า มีโอกาสที่สหภาพยุโรปจะแตกเป็นเสี่ยงๆ โดยหลังจากที่อังกฤษเลือกที่จะออกจากสหภาพยุโรป นาง Marie Le Pen นักการเมืองชาวฝรั่งเศส ระบุว่า หากเธอชนะการเลือกตั้ง เธอจะจัดการทำประชามามติเช่นเดียวกับอังกฤษ โดยฝรั่งเศส มีกำหนดการเลือกตั้งครั้งถัดไปในเดือน เม.ย. 2017

ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Capital Economics ระบุว่า เนเธอร์แลนด์อาจเป็นประเทศต่อไป ที่เลือกจะออกจากสหภาพยุโรป โดย ณ ขณะนี้คะแนนนิยมของพรรคการเมืองฝ่ายต่อต้านอียู กำลังนำอยู่ 13%

ทั้งนี้เนเธอร์แลนด์ มีกำหนดการเลือกตั้งครั้งถัดไปในเดือน มี.ค. 2017

หลังจากผลการทำประชามติออกมาเป็น BREXIT นักลงทุนในตลาดคาดการณ์ว่าเฟด จะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ อีกทั้งยังอาจต้องลดดอกเบี้ยอีกด้วย

นักลงทุนในตลาดคาดการณ์ว่า โอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ก.ค. อยู่ที่ 0% ขณะที่มีโอกาสลดดอกเบี้ยที่ 7.2%

ขณะที่ในการประชุมเดือน ธ.ค. เฟดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้ง 23.7% ไม่ขึ้นดอกเบี้ยเลย 71% และอาจลดดอกเบี้ย 5.3%

Bank of America Merrill Lynch เปลี่ยนการคาดการณ์ดอกเบี้ยของเฟดลง โดยคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยได้เพียง 2 ครั้งในปี 2017 และปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯปี 2017 ลงสู่ระดับ 1.8% จากเดิมที่คาดไว้ 2.0%