

เช้านี้ค่าเงินปอนด์ยังคงปรับตัวลงใกล้แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 30 ปี จากเหตุการณ์ดราม่าต่อเนื่องของ Brexit ในช่วง 2 วันนี้ โดยล่าสุดสถาบันจัดอันดับ S&P และ Fitch ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงหลังทราบผลโหวต เนื่องจากการออกจากอังกฤษอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของอังกฤษได้ โดยเช้านี้ค่าเงินปอนด์อยู่ที่ระดับ 1.3222 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับสูงสุดในวันศุกร์ใกล้บริเวณ 1.5000 ปอนด์/ดอลลาร์ ขณะที่เมื่อคืนนี้ค่าเงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.3122 ปอนด์/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับตั้งแต่ปี 1985
ด้านดัชนีดอลลาร์เช้านี้ย่อตัวลงมาเล็กน้อยบริเวณ 96.31 ขณะที่เมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรยังคงทรงตัวบริเวณ 1.1012 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากปรับตัวลงไปทำจุดต่ำสุดในรอบสามเดือนในวันศุกร์ที่ผ่านมาบริเวณ 1.0912 ดอลลาร์/ยูโร
รายงานจากรอยเตอร์ ระบุว่า วันพุธนี้ นายมาริโอดรากี้ ประธานอีซีบี มีกำหนดการกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมหัวข้อ “อนาคตทางการเงินระหว่างประเทศและโครงสร้างทางการเงิน” สำหรับการประชุมม ECB Forum ณ ประเทศโปรตุเกส ซึ่งการประชุมดังกล่าว นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมครั้งนี้ด้วย
น้ำมันดิบ WTI ปิด -2.8%ที่ระดับ 46.33 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด -1.8% ที่ระดับ 47.5 เหรียญ/บาร์เรล โดยตลาดการเงินยังคงได้รับความผันผวนจากผล Brexit ที่ยังมีอย่างต่อเนื่อง
การเลือกโหวตออกจากอียูของประเทศอังกฤษอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ จึงทำให้สถาบันจัดอันดับเริ่มมีการประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือ นำโดย
สถาบันจัดอันดับ Standard & Poor (S&P) ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษลง 2 อันดับ จากระดับ AAA สู่ระดับ AA ซึ่งถึงแม้จะยังคงอยู่ในระดับเครดิตที่ดีแต่สถาบันดังกล่าว กล่าวเตือนว่า อาจมีการประกาศปรับลดเพิ่มเติมได้อีก
ขณะที่สถาบันจัดอันดับ Fitch Ratings ก็ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษลง 1 ขั้น จากระดับ AA+ สู่ระดับ AA และกล่าวเช่นเดียวกับS& P ที่ระบุว่าอาจมีการปรับลดเพิ่มเติมอีก
นอกจากนี้ Fitch ยังหั่นคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของอังกฤษในปี 2017 และปี 2018 ว่าจะขยายตัวได้เพียง 0.9% จากระดับคาดการณ์ก่อนหน้า 2.0%
ขณะที่สถาบันจัดอันดับ Moody’s ยังคงอันดับอังกฤษไว้ที่ AAA นับตั้งแต่ปี 2013 จากระดับหนี้ที่สูงและขยายตัวได้ช้า แต่ Moody’s ก็อาจปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือสำหรับภาคธนาคารขนาดใหญ่ของอังกฤษเป็นระดับติดลบ ได้ในวันนี้จากผลการลงประชามติที่เกิดขึ้น
เมื่อวานนี้ นายจอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอังกฤษ กล่าวว่า สภาพเศรษฐกิจของอังกฤษแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับความผันผวนที่เกิดขึ้นจากการลงประชามติในสัปดาห์ที่ผ่านมา
S&P กล่าวเตือนว่า ผลโหวตดังกล่าวอาจส่งผลให้ประเทศอังกฤษต้องเผชิญกับวิกฤตทางการเมือง ที่ดูเหมือนว่าพรรค Conservative Partyจำเป็นต้องหาผู้นำคนใหม่แทน นายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษคนปัจจุบันที่ประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดยจะสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งในเดือนตุลาคมนี้ รวมทั้งอาจมีการเลื่อนการเจรจากับทางอียู และอาจส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน
นอกจากนี้ อาจมีการลงประชามติครั้งใหม่ในสก็อตแลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งภูมิภาคของอังกฤษที่โหวตให้อยู่ในอียูต่อไป จึงอาจส่งผลต่อรากฐานและเศรษฐกิจของอังกฤษ
