อย่างไรก็ดี มุมมองของนักลงทุนยังคงเปราะบาง ตลาดมีปริมาณการซื้อขายต่ำ และราคามีผันผวนไม่มีทิศทางชัดเจน
โดยดัชนี MSCI's AC Asia ex Japan ปรับตัวสูงขึ้น 0.14% สู่ระดับ 486.09 จุด
เทรดเดอร์จาก SLW brokerage ระบุว่า นักลงทุนเริ่มผ่อนคลายจาก Brexit ในวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่ยังคงมีความกังวลอยู่
วันนี้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน โดยค่าเงินปอนด์ที่หยุดอ่อนค่าลงช่วยหนุนตลาดหุ้น อย่างไรก็ดี ดัชนีปรับตัวสูงขึ้นได้ไม่มากนักเนื่องจากความอ่อนแอในภาคการผลิตรถยนต์ นอกจากนี้นักลงทุนยังกังวลกับภาวะเศรษฐกิจโลกหลังอังกฤษเลือกออกจากอียู
ดัชนี Nikkei ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 0.1% ที่ระดับ 15,323.14 จุด
ตลาดหุ้นจีนรีบาวด์สูงขึ้น ปิดระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ภายหลังจากที่ทางการจีนได้ออกมาแสดงความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอังกฤษได้ลงประชามติเพื่อถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปก็ตาม ในขณะที่ธนาคารกลางจีนเองก็ได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง
ดัชนี Shanghai Composite ปรับตัวสูงขึ้น 0.6% สู่ระดับ 2,912.56 จุด
วันนี้ตลาดฮ่องกงปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 3 เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับตลาดการเงินและเศรษฐกิจทั่วโลกที่แย่ลงจากการทำประชามติของอังกฤษที่ออกจากอียู
ดัชนี Hang Seng ปรับตัวลดลง 0.3% สู่ระดับ 20,1720.46 จุด
ธนาคารโลก (World Bank) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2559 จะขยายตัวได้ 2.5% ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัวและการส่งออกยังคงลดลง แต่ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจยังมีความมั่นคง การเงินและการคลังที่เข้มแข็ง จึงช่วยปกป้องให้ไทยพ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทย
ขณะเดียวกัน ธนาคารโลก ยังคาดการณ์ว่าในปี 2560 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.6%
ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ2559 (ต.ค.58 - พ.ค.59) จัดเก็บได้ 1,556,421 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 61,093 ล้านบาท หรือ 4.1% และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว13.4% โดยสาเหตุหลักมาจากการนำส่งรายได้จากการประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 และ 1800 MHz (4G) จำนวน 48,242 ล้านบาท
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติขยายเวลาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Policy Loan) รวมถึงโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสำหรับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs) ที่ขาดสภาพคล่อง โดยจะให้แก่ผู้ประกอบการรายละไม่เกิน 30 ล้านบาท ให้สามารถยื่นคำขอได้จนถึง 31 ธ.ค.59 จากที่จะครบกำหนด 30 มิ.ย.59 เนื่องจากยังมีวงเงินคงเหลือ 4,500 ล้านบาท จนกว่าจะครบกำหนดหรือเต็มวงเงิน
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียน โดยดำเนินการใน 3 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ จ.ชลบุรี ระยอง และ ฉะเชิงเทรา โดยจะต้องมีการบูรณการเชื่อมโยงทั้งระบบ ทั้งการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและการดึงดูดการลงทุนภาคเอกชน ได้แก่ ท่าอากาศยานทั้ง 3 แห่ง คือ สุวรรรภูมิ ดอนเมือง และอู่ตะเภา เชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งทั้งทางถนน ทางราง ทางเรือ และทางอากาศ เพื่อลดระยะเวลาในการเดินทาง ลดเวลาในการขนส่งสินค้า ลดต้นทุนโลจิสติกส์