MTS Help Center

ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 2 ปี เนื่องจากนักลงทุนที่กลับเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย จากความกังวลต่อความไม่แน่นอนในตลาดทั้งทางการเมืองและ Brexit ที่จะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง

ราคาทองคำสำหรับส่งมอบทันที ปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดบริเวณ 1,371.39 เหรียญ หรือกว่า 1.1% ในตลาดลอนดอน สูงสุดนับตั้งแต่ มี.ค. 2014

Open interest ของทองคำในตลาด COMEX ปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2010 ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่เหล่าผู้จัดการกองทุนเพิ่มสถานะ Long สุทธิของตนเองในทองคำสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลมาในปี 2006

นักวิเคราะห์จาก Shenhua Futures Co. ระบุว่า นักลงทุนต่างเข้าถือครองทองคำจากความกังวลต่อเศรษฐกิจและการเมืองโลก นอกจากนี้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางเองก็เป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์จาก HSBC คาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นได้อีกไม่มากนัก เนื่องจากตลาดตอบสนองต่อข่าว Brexitไปแล้ว และยิ่งราคาปรับตัวสูงขึ้น ความต้องการทองคำจริงก็จะยิ่งลดลง ทั้งนี้คาดว่าในปีนี้ราคาทองคำจะทำจุดสูงสุดใกล้กับระดับ 1,400 เหรียญ

นักวิเคราะห์จาก BlackRock ระบุว่า ในภาวะความเป็นจริงในปัจจุบันที่เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว และความผันผวนมีที่ท่าว่าจะปรับตัวสูงขึ้น ในภาวะเช่นนี้เราต้องการบางสิ่งบางอย่าง เพือป้องกันความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน ทั้งนี้ทองคำเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ไม่กี่ประเภทที่เหมาะสมจะใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงในขณะนี้ และคาดว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นได้ต่อ

โดยนักวิเคราะห์ฯ ระบุว่า ทองคำนั้นมีต้นทุนค่าเสียโอกาส ในสภาวะที่อัตราดอกเบี้ยสูงๆนั้น การถือครองทองคำถือว่าเสียเปรียบอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ในภาวการณ์ปัจจุบันที่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ในระดับต่ำและมีแนวโน้มว่าจะติดลบมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ที่เหมาะสมในการป้องกันความเสี่ยง

ข้อมูลโดย Bloomberg ระบุว่า ทองคำในกองทุน ETF ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 2% สู่ระดับ 1,997.28 ตันเมื่อคืนนี้ สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013 โดยกองทุน ETF ทองคำ ถือครองทองคำเพิ่มเติมในปีนี้กว่า 37%

ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทองคำในเดือน ก.ค.59 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 7.77 จุด หรือเพิ่มขึ้น12.83% อยู่ที่ระดับ 68.34 จุด สูงกว่าระดับ 50 จุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งสอดคล้องกันทั้งนักลงทุนและกลุ่มผู้ค้า โดยมีปัจจัยหนุนสำคัญจากค่าเงินบาทที่ยังมีทิศทางอ่อนค่าและแรงซื้อเก็งกำไรที่ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีปัจจัยลบจากทิศทางของค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มแข็งค่า