ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) ขานรับรายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุว่า คณะกรรมการเฟดเห็นพ้องให้ชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าเฟดจะได้รับข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่อังกฤษลงประชามติออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ รวมถึงดัชนีPMI ภาคบริการที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,918.62 จุด เพิ่มขึ้น 78.00 จุด หรือ +0.44%
รองหัวหน้าฝ่าย Global Asset Allocation จาก Manulife Asset Management ระบุว่า การที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นในสหรัฐฯ คาดว่าน่าจะเกิดจากการที่นักลงทุนต้องการเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยและยังสามารถเติบโตต่อไปได้ ซึ่งมองว่าสหรัฐฯน่าจะเป็นที่ที่มีองค์ประกอบดังกล่าวครบ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้ นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคารและการเงิน ท่ามกลางความกังวลต่อ Brexit
ดัชนี STOXX 600 ของยุโรป ปรับตัวลดลง 1.7% ติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ขณะที่ดัชนี STOXX Europe 600 banks ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นธนาคารปรับตัวลดลงกว่า 2.6% ทำจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ พ.ย. 2011
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ หลังจากที่สหรัฐฯเผยข้อมูลที่สดใส หนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นได้วานนี้ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น และเฟดที่มีท่าทีชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปอีก
ดัชนี MSCI Asia-Pacific ex Japan ปรับตัวสูงขึ้น 0.5% หลังจากที่ปรับตัวลดลงกว่า 1% เมื่อวานนี้