• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 7 กรกฎาคม 2559

    7 กรกฎาคม 2559 | Economic News





บันทึกการประชุมเฟดประจำเดือน มิ.ย. ที่เผยออกมาเมื่อวานนี้ ระบุว่า คณะกรรมการเฟดเห็นพ้องกันว่าควรมีการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป จนกว่าเฟดจะได้รับข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่อังกฤษลงประชามติออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

นอกจากนี้ สมาชิกเฟดหลายคนได้ระบุว่า ข้อมูลการจ้างงานที่ชะลอตัวลงในเดือนที่ผ่านมา เป็นเพียง “ความผันผวนทางสถิติ” เท่านั้น และเศรษฐกิจสหรัฐฯน่าจะพร้อมแล้วสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้

ทั้งนี้การประชุมเฟดในเดือน มิ.ย. เกิดขึ้นก่อนการทำประชามติของอังกฤษ

ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเล็กน้อยหลังเฟดเผยบันทึกการประชุมดังกล่าว

นายแดเนียล ทารูลโล หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดยังไม่มีความจำเป็นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จนกว่าจะมีหลักฐานบ่งชี้อย่างชัดเจนว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวไปสู่ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด และเฟดควรมีท่าทีที่ระมัดระวัง ในขณะที่ตลาดกำลังพิจารณาผลกระทบจากการที่อังกฤษลงประชามติถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

"ไม่มีใครรู้ว่าปัจจัย Brexit จะทำให้เกิดความรุนแรงแค่ไหน และจะสิ้นสุดเมื่อใด แต่ผลกระทบจะเบาบางลงเมื่อเวลาผ่านไป" นายแดเนียล กล่าว

เฟดสาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองการคาดการณ์ GDPNow แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 2.4% ในไตรมาส 2/2016 ลดลงจากที่คาดการณ์ไว้เดิม ณ ระดับ 2.6% ในวันที่ 1 ก.ค. หลังมีการเปิดเผยข้อมูลยอดขายรถยนต์ และดุลการค้าสหรัฐ

ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ภาคบริการของสหรัฐมีการขยายตัวสูงสุดในรอบ 7 เดือนในเดือนมิ.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากการจ้างงาน และคำสั่งซื้อใหม่ที่พุ่งขึ้น

ทั้งนี้ ดัชนีภาคบริการของ ISM อยู่ที่ระดับ 56.5 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นจากระดับ 52.9 ในเดือนพ.ค.

ดัชนีย่อย “การจ้างงาน” ของดัชนี PMI ภาคบริการดังกล่าว ปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 49.7 สู่ระดับ 52.7 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการจ้างงานของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ดัชนี PMI ที่มากกว่า 50 หมายถึงการขยายตัว ขณะที่ต่ำกว่า 50 หมายถึงการหดตัว

ขณะที่ตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้น 10.1% ในเดือนพ.ค. สู่ระดับ 4.11 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้นผลักดันมูลค่าการนำเข้าให้เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่การแข็งค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยที่ฉุดการส่งออกลง

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 2% เมื่อวานนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สดใส ซึ่งได้ลดความกังวลต่อ Brexitลงได้บ้าง นอกจากนี้ยังได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯจะปรับตัวลดลง ซึ่งผลสำรวจจากReuters คาดจะปรับตัวลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 83 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 47.43 ดอลลาร์/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com