ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 7 ในวันนี้ หลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบมากกว่า 2 ปี เมื่อวานนี้ เนื่องจากนักลงทุนที่กลับเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ตลาดหุ้นเอเชียจะปรับตัวสูงขึ้นวันนี้ก็ตาม
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้รับผลกระทบอย่างหนักจาก Brexit หนุนให้ความต้องการเข้าถือสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ดี นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายในช่วงนี้ เพื่อรอคอยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากข้อมูลในเดือนที่ผ่านมาชะลอตัวลง
นักวิเคราะห์จาก Wing Fung ระบุว่า นักลงทุนกำลังรอคอยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่จะออกมาในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นในช่วงนี้จึงคาดจะไม่มีการซื้อขายมากนักและราคาน่าจะทรงตัว
นักวิเคราะห์จาก HSBC ระบุว่า ในขณะที่เรากำลังคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นต่อ เราก็ตระหนักได้ว่าจะมีการปิดสถานะทำกำไรมากขึ้น
นักวิเคราะห์จาก MKS Group ระบุว่า แนวต้านของทองคำอยู่ที่ระดับ 1,375.5 เหรียญ ขณะที่แนวรับอยู่ที่ระดับ 1,365 เหรียญ และ 1,357-58 เหรียญ ตามลำดับ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จากการรวบรวมข้อมูลโดยบลูมเบิร์กพบว่า กองทุนทองคำ หรือ ETFs ทั่วโลกถือครองทองคำที่ระดับสูงกว่า 2,000 ตันเป็นครั้งแรกนับแต่เดือนกรกฎาคมปี 2013 หลังความต้องการถือครองทองคำเพื่อประกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับแต่อังกฤษลงประชามติออกจากสหภาพยุโรป หรือ อียู
โดยข้อมูลล่าสุดวานนี้ กองทุน ETFs เพิ่มการถือครองทองคำเพิ่มขึ้น 4.1 ตัน มาอยู่ที่ 2,001.4 ตัน ปัจจัยที่ทำให้ความต้องการถือครองทองคำเพิ่มขึ้นมาจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ อัตราผลตอบแทนในตลาดพันธบัตรที่ต่ำ และความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟดอาจไม่ขึ้นดอกเบี้ย
ขณะที่ Brexit เป็นปัจจัยเร่งให้ความต้องการถือครองทองคำเพื่อประกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ตลาดทองคำกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง