ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาสดใส โดยดัชนี MSCI Asia-Pacific ex Japan ปรับตัวสูงขึ้น 0.3% ในวันนี้ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน
หุ้นญี่ปุ่นปิดร่วงลงในวันนี้ โดยตลาดปิดลบติดต่อกัน 3 วันทำการ เพราะได้รับแรงกดดันจากเงินเยนที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่อังกฤษลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ดัชนี Nikkei 225 ปรับตัวลดลง 0.7% ที่ระดับ 15,276.24 จุด
วันนี้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลง จากความกังวลเกี่ยวกับค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าและความไม่แน่นอนจาก Brexit แม้จะมีกระแสคาดการณ์ที่ว่าทางการจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ตาม
ดัชนี Shanghai Composite ปรับตัวลดลง 3,106.85 จุด
อย่างไรก็ดี กระแสคาดการณ์นั้นไม่ได้หนุนตลาดหุ้นฮ่องกงมากนัก
ดัชนี Hang Seng ปรับตัวสูงขึ้น 1.0% ที่ระดับ 20,706.92 จุด
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ คาดว่า ภายในอีก 2 สัปดาห์จะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) กองแรกขนาดการลงทุนระดับแสนล้านบาทขึ้นไป และเป็นการลงทุนในรูปแบบของรัฐและเอกชน (PPP)
รองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวด้วยว่า ล่าสุดได้รับการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจจากทั้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้ว ซึ่งเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/59 จะเติบโตได้มากกว่า 3%
ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ผลกระทบจากสถานการณ์การทำประชามติว่าอังกฤษจะออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปหรือไม่ (Brexit) อาจจะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจน้อยลงประมาณ 50,000 ล้านบาท โดยเฉพาะการจับจ่ายใช้สอยด้านการท่องเที่ยวของประชาชนที่ลดลงจากการขาดความเชื่อมั่น ซึ่งส่งผลต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลดลง 0.1-0.3% จากมุมมองของ ม.หอการค้าไทย เดิมที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ 3-3.5% ได้ปรับลดลงมาเหลือเติบโต 2.7-3.2%
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน มิ.ย.59 อยู่ที่ 71.6 ลดลงจาก 72.6ในเดือน พ.ค.59 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 60.6 ลดลงจาก 61.1 ในเดือน พ.ค.59
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำอยู่ที่ 66.5 ลดลงจาก 67.7 ในเดือน พ.ค.59 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 87.6 ลดลงจาก 89.0 ในเดือน พ.ค.59