ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจอังกฤษปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 4 ปีครึ่ง
ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจอังกฤษปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 4 ปีครึ่งหลังอังกฤษเลือกโหวตออกจากอียู โดยดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวลดลงสู่ระดับ 6 จุด จากระดับ 32 จุดในเดือน พ.ค. ต่ำสุดนับตั้งแต่ ธ.ค. 2011
นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Lloyds ระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นสัญญาณที่เด่นชัดถึงมุมมองทางเศรษฐกิจที่เสื่อมโทรมลงในระยะสั้น
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อังกฤษ 7 แห่ง สั่งห้ามนักลงทุนถอนเงิน
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อังกฤษ ซึ่งมีมูลค่าราว 1.5 หมื่นล้านปอนด์ (1.94 หมื่นล้านเหรียญ) สั่งห้ามนักลงทุนถอนเงิน จากการที่นักลงทุนแห่เข้าถอนเงินเป็นจำนวนมาก หลังอังกฤษเลือกออกจากอียู
กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อังกฤษ อาทิ Henderson Global Investors, Columbia Threadneedle Investments และ Canada Life สั่งห้ามนักลงทุนถอนเงินออกจากกองทุน ขณะที่ Aberdeen Fund Managers Ltd. สั่งระงับการถอนเงินชั่วคราว
ทั้งนี้นักลงทุนได้แห่กันถอนเงินออกจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์อังกฤษ เนื่องจากนักวิเคราะห์หลายส่วนได้ออกมากล่าวเตือนว่า มูลค่าของออฟฟิดในกรุงลอนดอนจะปรับตัวลดลงได้มากถึง 20% ภายใน 3 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวเคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2007-2008 ที่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ถูกนักลงทุนถอนเงินจนต้องระงับการถอน
S&P ปรับลดมุมมองต่อออสเตรเลียจากระดับ Stable สู่ระดับ Negative
S&P ปรับลดมุมมองต่อออสเตรเลียจากระดับ Stable สู่ระดับ Negative ขณะที่ยังคงอันดับเครดิตไว้ที่ AAA เช่นเดิม เนื่องจากมุมมองต่อสถานการณ์ทางการคลังที่ไม่ดีขึ้น และกล่าวเตือนว่า ออสเตรเลียอาจเสียอันดับความน่าเชื่อถือ AAA ไป หาก S&P เชื่อว่ารัฐสภาออสเตรเลียไม่สามารถออกกฎหมายเพิ่มรายได้ให้ภาครัฐ และทำให้ภาวะทางการคลังกลับเข้าสู่ภาวะสมดุลได้ภายในช่วงต้นทศวรรษที่ 2020s
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย อ่อนค่าลงทำจุดต่ำสุดราว 0.7467 ดอลลาร์/ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือลดลงราว 0.7%
ผู้ว่าการบีโอเจ ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น
นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการบีโอเจ ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น พร้อมระบุว่า บีโอเจพร้อมที่จะใช้นโยบายทางการเงินกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหากจำเป็น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2%
“คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะสามารถขยายตัวได้ในระดับปานกลาง และจะดำเนินมาตรการใดๆก็ตามที่จำเป็นเพื่อขจัดความเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เศรษฐกิจและเงินเฟ้อชะลอตัว” นายคุโรดะกล่าว
อย่างไรก็ดี นายคุโรดะ ไม่ได้กล่าวถึงมุมมองของเขาต่อ Brexit
ที่ปรึกษานายกฯญี่ปุ่น ระบุ ญี่ปุ่นต้องใช้นโยบายการคลังเพื่อหนุนเศรษฐกิจ
นาย Satoshi Fujii ศาตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเกี่ยวโตและที่ปรึกษาของนายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุว่า ญี่ปุ่นจำเป็นต้องใช้นโยบายการคลังแบบขาดดุลอย่างมากไปจนถึงปี 2018 เพื่อให้หลุดจากภาวะเงินฝืดได้ โดยรัฐบาลควรอัดฉีดเงินราว 20 ล้านล้านเยน(1.98 แสนล้านเหรียญ) ผ่านนโยบายการคลังในปีนี้ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ดี หากต้องการหลุดพ้นจาก “ภาวะเงินฝืดอย่างสมบูรณ์” ต้องใช้เงินอัดฉีดราว 37 ล้านล้านเยน โดยแบ่งผ่านปีงบประมาณปัจจุบัน 20 ล้านล้านเยน ปีงบประมาณ 2017 12-13 ล้านล้านเยน และ 6 ล้านล้านเยน ในปีงบประมาณ 2018
Ifo คาดเศรษฐกิจเยอรมนีจะได้รับผลกระทบจาก Brexit เล็กน้อย
สถาบัน Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ผลพวงจากการที่อังกฤษลงประชามติเพื่อถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) จะกระทบเศรษฐกิจเยอรมนีเล็กน้อยในปี 2559 และ 2560
ทั้งนี้ ตัวเลขประมาณการล่าสุดของ Ifo เผยให้เห็นว่า เศรษฐกิจเยอรมนีในปีนี้จะขยายตัวลดลงเพียง 0.1% จากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้า และสำหรับปีหน้า เศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัวลดลง 0.1-0.2% เมื่อเทียบกับคาดการณ์ครั้งก่อน เนื่องจากการส่งออกและการลงทุนจะชะลอตัว
น้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นวันนี้จากข้อมูลสต็อกน้ำมันดิบโดย API ที่ปรับตัวลดลง
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เท็กซัสปรับเพิ่มขึ้นราว 2 เปอร์เซนต์ หลังการปรับลดลงติดต่อกัน 2 วัน หลังจากสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับลดลงกว่า 6.7 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 520.9 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.3 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังจับตามองการรายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ที่ประกาศโดยสานักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ(EIA)ในวันนี้
ในวันนี้ราคาน้ำมันดิบ BRENT ปรับตัวสูงขึ้น 0.43% สู่ระดับ 49.01 เหรียญ/บาร์เรล