• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 8 กรกฏาคม 2559

    8 กรกฎาคม 2559 | Economic News

นักวิเคราะห์คาด ข้อมูลการจ้างงานคืนนี้ น่าจะรีบาวด์ขึ้นมาได้

ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในค่ำคืนนี้ น่าจะปรับตัวสูงขึ้นได้ เนื่องจากพนักงาน Verizon ที่หยุดงานประท้วงได้กลับเข้าทำงานตามปกติแล้ว โดยตลาดคาดการณ์ว่าข้อมูลดังกล่าวจะปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 175,000 ราย จากเดิม 38,000 ราย ในเดือน พ.ค.

อย่างไรก็ดี แม้ข้อมูลการจ้างงานจะออกมาสดใส แต่คาดว่าจะไม่ส่งผลต่อมุมมองต่ออัตราดอกเบี้ยของเฟดในระยะสั้นมากนัก เนื่องจากในขณะนี้เฟดต้องการประเมินผลกระทบจาก Brexit ก่อน

ทั้งนี้ แม้ตัวเลขในครั้งนี้จะออกมาดีขึ้น แต่ภาพรวมในครึ่งปีแรกก็ชะลอตัวลงจากไตรมาส 4/2015 อยู่มาก โดยในไตรมาสดังกล่าว การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 282,000 ตำแหน่ง ขณะที่ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยเพียง 150,000 ตำแหน่ง

นักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า ภาพรวมตำแหน่งงานที่ชะลอตัวลงนั้นเป็นเรื่องปกติ หากเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัวแล้ว เพราะเป็นการบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานกำลังเข้าสู่ภาวการณ์จ้างงานเต็มที่

อีกปัจจัยหนึ่งที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานเริ่มเข้าสู่การจ้างงานเต็มที่ คืออัตราค่าจ้างที่เพิ่มสูงขึ้น โดยในวันนี้ตลาดคาดการณ์ว่าอัตราค่าจ้างจะเพิ่มสูงขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่เมื่อเทียบรายปีคาดจะเติบโตขึ้น 2.7%

ตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งจะช่วยหนุนการบริโภคของภาคเอกชนและภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งช่วยหนุนให้เศรษฐกิจเติบโต


S&P ปรับลดความน่าเชื่อถือของอังกฤษและธนาคารอังกฤษหลายแห่ง

เมื่อวานนี้ S&P ได้ประกาศปรับลดความน่าเชื่อถือของธนาคารขนาดใหญ่ของอังกฤษหลายแห่ง รวมถึง HSBC, Barclays, Lloyds และSantander ลงสู่ระดับ เป็นลบ จากระดับ มีเสถียรภาพ และลดระดับ RBS จากระดับ เป็นบวก สู่ระดับ มีเสถียรภาพ เนื่องจาก Brexit นั้นเพิ่มความเสี่ยงของเศรษฐกิจอังกฤษ และเชื่อว่าเศรษฐกิจอังกฤษจะเข้าสู่ช่วงของการปรับฐาน (Correction)

นอกจากนี้ S&P ยังปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษลง 2 ขั้น สู่ระดับ AA จากระดับ AAA


รายงานประชุม ECB ชี้ Brexit อาจกระทบเศรษฐกิจยูโรโซนผ่านทางการค้า-ตลาดการเงิน

ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย.เมื่อวานนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของ ECB เตือนว่าการที่อังกฤษลงประชามติถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) จะส่งผลกระทบในด้านลบต่อเศรษฐกิจยูโรโซนอย่างมีนัยสำคัญ

รายงานการประชุมระบุว่า ผลกระทบด้านลบที่เกิดจากกรณี Brexit นั้น จะลุกลามไปทั่วทั้งภูมิภาคยุโรป โดยผ่านทางช่องทางต่างๆ รวมถึงช่องทางทางการค้าและตลาดการเงิน


ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ ระบุ เฟดยังมีเวลาเพื่อประเมินผลกระทบจาก BREXIT

นางลอเรตตา เมสเตอร์ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ ระบุ เฟดยังมีเวลาเพื่อประเมินผลกระทบจาก BREXIT ก่อนการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นางเมสเตอร์ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Wall Street Journal โดยระบุว่า พื้นฐานของเศรษฐกิจสหรัฐฯนั้นยังแข็งแกร่งมาก และเฟดยังมีเวลาเพื่อประเมินสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะ Brexit ว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯอย่างไร

อย่างไรก็ดี นางเมสเตอร์ ยอมรับว่า ความไม่แน่นอนในปัจจุบันนั้นเพิ่มสูงขึ้น และอาจส่งผลให้มุมมองต่ออัตราดอกเบี้ยของสมาชิกเฟดเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในอนาคต


ทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าคาดสู่ระดับ 3.21 ล้านล้านเหรียญ


ทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าคาด เนื่องจากทุนสำรองของจีนที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย อาทิ สินทรัพย์สกุลเงินเยนของจีนมีค่ามากขึ้น หลังอังกฤษเลือกตัดสินใจออกจากอียูโดยทุนสำรองสกุลเงินเยนนั้นมีค่ามากขึ้น 7.3% ในสกุลดอลลาร์

ทุนสำรองของจีนปรับตัวสูงขึ้น 31,000 ล้านเหรียญ สู่ระดับ 3.21 ล้านล้านเหรียญ ในเดือน มิ.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 3.17 ล้านล้านเหรียญ

นักวิเคราะห์จาก DBS Group Holdings Ltd. ระบุว่า ทุนสำรองของจีนที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าจีนนั้นไม่ได้เข้ามาแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยนในเดือนที่ผ่านมาเท่าใดนัก และปล่อยให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าไปตามกลไกตลาด และเชื่อว่าค่าเงินหยวนจะอ่อนค่าลงไปอีกเพราะดูเหมือนว่าทางการจีนต้องการให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลง เพื่อหนุนเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ดี หากปล่อยให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าออกต่อไปอีกจะส่งผลให้เกิดภาวะเงินทุนไหลออกและกดดันทุนสำรองของจีนในครึ่งปีหลัง


รัฐบาลญี่ปุ่นยืนยันใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อสกัดเก็งกำไรเงินเยน

นายมาซาสึกะ อาซากาว่า รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลังฝ่ายกิจการภายในประเทศของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะใช้มาตรการที่จำเป็น เพื่อสกัดการเก็งกำไรในตลาดปริวรรตเงินตรา หลังจากเงินเยนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

นายอาซากาว่าเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตลาดการเงินได้รับแรงกดดันเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการที่อังกฤษลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า ญี่ปุ่นจะร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับประเทศสมาชิก G7 เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว


น้ำมันดิบรีบาวด์หลังจากที่เมื่อวานนี้หดตัวเกือบ 5%

ในวันนี้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่เมื่อวานนี้ปรับตัวลดลงไปเกือบ 5% ทำจุดต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือน เนี่องจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปรับตัวลดลงน้อยกว่าคาด

น้ำมันดิบ BRENT ปรับตัวสูงขึ้น 1.12% สู่ระดับ 46.92 เหรียญ/บาร์เรล

Related
บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com