ราคาทองคำปรับตัวลดลงในวันนี้ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ทรงตัวและตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้น หลังข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯออกมาสดใส บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจสามารถเติบโตได้มากขึ้น
ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.4% สู่ระดับ 96.67 จุด ในบ่ายวันนี้ ใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในรอบ 11 วันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่ระดับ 96.697 จุด
ถึงแม้ว่า ข้อมูลการจ้างงานที่ออกมาดีขึ้นเกินคาดแต่ตลาดก็ยังคงไม่มั่นใจต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ โดยปัจจุบันโปรแกรม FedWatch จาก CMEGroup ประเมินว่า มีโอกาสเพียง 24% ที่เฟดจะทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมนี้
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแตะ 1,377.5 เหรียญในสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีนาคม 2014 จากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ควบคู่กับผลการลงประชามติของอังกฤษทีเลือกออกจากอียู จึงส่งผลให้กลุ่มนักลงทุนเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย
นักวิเคราะห์จาก ANZ ระบุว่า ตลาดยังคงไม่คาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ แม้ข้อมูลของสหรัฐฯจะออกมาสดใส เนื่องจากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกยังคงเป็นปัจจัยสำคัญหลัง Brexit โดยความผันผวนในตลาดเป็นปัจจัยบ่งชี้ว่าความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยของนักลงทุนในแข็งแกร่ง
นักวิเคราะห์จาก Societe Generale ระบุว่า เฟดจะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากภาวะแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย แม้ข้อมูลการจ้างงานจะดีขึ้นก็ตาม
สัปดาห์นี้ ตลาดจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากจีน โดยเฉพาะรายงานจีดีพีประจำไตรมาสที่่ 2 ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้
ขณะที่วันพฤหัสบดี จะมีการประชุมบีโออี ที่คาดว่าอามีการเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากภาวะ Brexit
ทางด้านสหรัฐฯ นักลงทุนจับตาไปยังข้อมูลยอดค้าปลีกและข้อมูลเงินเฟ้อว่าจะแข็งแกร่งเพียงพอต่อการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2016 หรือไม่ ขณะที่สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์เริ่มต้นประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนประจำไตรมาสที่ 2 ของสหรัฐฯ
ข้อมูลล่าสุดจาก CFTC ระบุว่า เหล่าผู้จัดการกองทุนเข้าถือครองสถานะ Long เพิ่มเติมในทองคำตลาด COMEX โดยระหว่างวันที่ 29 มิ.ย. – 5 ก.ค. ได้เพิ่มสถานะ Long ในทองคำ COMEX อีก 13,742 สัญญา สู่ระดับ 286,921 สัญญา มากที่สุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ระหว่างวันที่ 29 มิ.ย. – 5 ก.ค. ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น 2.92% จากระดับ 1,309.70 เหรียญ ในคืนวันที่ 28 มิ.ย. สู่ระดับ 1,350.75 เหรียญ ในคืนวันที่ 5 ก.ค.