• สรุปข่าวตลาดหุ้น (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 13 กรกฎาคม 2559

    13 กรกฎาคม 2559 | SET News


ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) โดยดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมัน WTI ที่พุ่งขึ้นกว่า 4% รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า บีโออีจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยและอาจเพิ่มวงเงินการทำ QE ในการประชุมวันพรุ่งนี้ เพื่อรับมือกับผลกระทบ Brexit

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,347.67 จุด เพิ่มขึ้น 120.74 จุด หรือ +0.66%

วันนี้ตลาดหุ้นเอเชียทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดของปี ที่ปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่เมื่อวานนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐฯและกระแสคาดการณ์นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆทั่วโลก

ดัชนี MSCI Asia-Pacific ex Japan ปรับตัวสูงขึ้น 0.2% สู่ระดับ 426.62 จุด ใกล้กับระดับสูงสุดของปีนี้ที่ระดับ 428.22 จุด

นักวิเคราะห์จาก Sumitomo Mitsui Asset Management ระบุว่า ในช่วงก่อนหน้านี้นักลงทุนต่างมุ่งเป้าไปยังความไม่แน่นอนที่เกิดจากBrexit แต่ในขณะนี้อังกฤษมีผู้นำคนใหม่ และการเจรจามีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นเร็วกว่าคาด ซึ่งช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย วงเงิน 1 แสนล้านบาท รับประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ 2-3% เพื่อให้ผู้ลงทุนมั่นใจว่าได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม โดยจะจดทะเบียนกองทุนรวมกับ ก.ล.ต. ภายใน 1 เดือน โดยในระยะแรกให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ลงทุนรายเดียวตามหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต.

นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเมื่อวานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยตลาดกำลังรอคอยการประชุมของธนาคารกลางอังกฤษซึ่งคาดการณ์ว่าอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0.25% หรือเพิ่มวงเงินการทำ QE เพื่อรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 35.10-35.25 บาท/ดอลลาร์

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com