ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน รวมถึงเจพีมอร์แกน เชส นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ที่ส่งสัญญาณว่าอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,506.41 จุด พุ่งขึ้น 134.29 จุด หรือ +0.73%
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ โดยปรับตัวสูงขึ้นตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำจุดสูงสุดในรอบ 8 เดือน โดยดัชนี MSCI Asia-Pacific ex Japan ปรับตัวสูงขึ้น 0.2% โดยภาพรวมทั้งสัปดาห์ปรับตัวสูงขึ้นมาแล้วกว่า 4%
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยภายหลังการบรร ยายหัวข้อ "Financial Stability" ว่า ขณะนี้ ธปท.ได้ติดตามแนวโน้มการลงทุนของนักลงทุนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากภาวะอัตราดอก เบี้ยอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานาน ส่งผลให้นักลงทุนมีพฤติกรรมการแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น
โดยพบว่ามีการเพิ่มสัด ส่วนการลงทุน ทั้งหุ้นตัวเล็ก ตราสารที่มีคุณภาพต่ำ ตราสารที่มีความซับซ้อน และตราสารหนี้ที่ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ แต่นักลงทุนไม่ได้ประเมินความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นอย่างละเอียด
นักบริหารเงิน ระบุว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเนื่องจากมี Flow โยกย้ายเข้ามา ดูจากหุ้นไทยบวก 11 จุด โดยให้แนวรับแรกน่าจะอยู่ 34.88 บาท/ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านน่าจะอยู่ที่ 35.10 และ 35.15