ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินเยนในเช้าวันนี้ แม้ว่าจะมีกระแสคาดการณ์ว่าบีโอเจจะออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมก็ตาม ขณะที่นักลงทุนในตลาดคาดว่าเฟดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยได้มากขึ้น โดยโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยภายในเดือน ธ.ค. ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 56% เมื่อวานนี้จากระดับ 48% ในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา
ขณะที่ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จาก Bloomberg และ Reuters ต่างคาดการณ์ว่า บีโอเจจะยกระดับมาตรการทางการเงินในการประชุมสัปดาห์นี้
รายงานจาก Nikkei ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ญี่ปุ่นที่อัดฉีดเงินจำนวน 6 ล้านล้านเยนผ่านการใช้จ่ายภาครัฐเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า มากกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้าเท่าตัวที่ประเมินไว้ที่ 3 ล้านล้านเยน
The Office of Financial Research ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า ระบบการเงินของสหรัฐฯกำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่อันตรายเนื่องจาก Brexit และอัตราดอกเบี้ยในระดับติดลบก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ความเสี่ยงของระบบการเงินของสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้น
โดย The Office of Financial Research ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ความเชื่อมั่นจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เนื่องจากระบบเศรษฐกิจและระบบการเงินอังกฤษมีความเชื่อมโยงกับยุโรปและสหรัฐฯในระดับสูงมาก ดังนั้นความเสียหายใดๆก็ตามที่เกิดขึ้นในอังกฤษจะสามารถส่งผลกระทบต่อยุโรปและสหรัฐฯได้
นอกจากนี้ The Office of Financial Research ยังระบุว่า ความเสี่ยงดังกล่าวจะคงอยู่ไปอีกอย่างน้อย 18 เดือน ดังนั้นหน่วยงานกำกับดูแลจะต้องวิเคราะห์และป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินขึ้น
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากเบเกอร์ ฮิวส์ รายงานว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.06 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 43.13 ดอลลาร์/บาร์เรล
ธนาคารบาร์เคลย์สระบุว่า ความต้องการน้ำมันของโลกในไตรมาส 3/2016 ขยายตัวต่ำกว่าปีที่แล้วราว 1 ใน 3 โดยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ซบเซา
นักวิเคราะห์จาก มอร์แกน สแตนลีย์ ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบน่าจะปรับตัวลดลง เนื่องจาก ภาวะ “อุปทานล้นตลาดอย่างร้ายแรง” ของแก๊สโซลีน ซึ่งสต็อกแก๊สโซลีนนั้นอยู่ในระดับสูงสุดในรอบกว่า 5 ปี