จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯเพิ่มขึ้นมากเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเพิ่มขึ้น 14,000 ราย สู่ระดับ 266,000 ราย มากกที่ตลาดคาดไว้ที่ 261,000 ราย อย่างไรก็ดี ยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 73 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี1973

ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นในเช้าวันนี้ก่อนหน้าบีโอเจจะประกาศผลการประชุม ซึ่งนักลงทุนคาดว่าบีโอเจจะออกนโยบายการเงินเพิ่มเติม โดยแข็งค่าขึ้นมากที่สุดกว่า 1.8% สู่ระดับ 103.41 เยน/ดอลลาร์ ก่อนจะอ่อนค่าลงสู่ระดับ 104.77 เยน/ดอลลาร์
สำนักข่าว Bloomberg ระบุถึงคำสัมภาษณ์ เทรดเดอร์รายหนึ่ง ซึ่งกล่าวว่า สาเหตุของการแข็งค่าส่วนหนึ่งถูกระบุว่าเกิดจากการซื้อขายโดยการใช้อัลกอรึทึม
เหล่าเทรดเดอร์คาดการณ์ว่าจะมีความผันผวนอย่างมากในการประชุมบีโอเจวันนี้
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า การประชุมบีโอเจในวันนี้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ตลาดการเงินทั่วโลกกำลังจับตามองมากที่สุด โดยตลาดการเงินคาดการณ์เป็นอย่างมากว่าบีโอเจจะออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมครั้งนี้
ผลสำรวจนักวิเคราะห์โดย Bloomberg ระบุว่า นักวิเคราะห์จำนวน 32 คนจาก 41 คน หรือราว 78% คาดการณ์ว่าบีโอเจจะออกนโยบายการเงินในการประชุมครั้งนี้ มากที่สุดนับตั้งแต่การประชุมครั้งแรกหลังนายคุโรดะเข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าการบีโอเจ (การประชุมครั้งแรกของนายคุโรดะ นักวิเคราะห์ทั้ง 100% คาดการณ์ว่า บีโอเจจะออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ)
โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเป็นการเพิ่มวงเงินเข้าซื้อกองทุน ETF, ลดอัตราดอกเบี้ย และเพิ่มวงเงิน QE ตามลำดับ โดยคาดว่าบีโอเจจะเพิ่มวงเงินเข้าซื้อกองทุน ETF เป็น 4 เท่า, เพิ่มวงเงิน QE จากระดับ 80 ล้านล้านเยน สู่ระดับ 100 ล้านล้านเยนต่อปี และลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ -0.3%
เหล่านักเศรษฐศาสตร์เพิ่มการคาดการณ์ว่าเฟดจะสามารถขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ได้มากขึ้น หลังเฟดเผยผลการประชุมที่ผ่านมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้กระแสคาดการณ์ดอกเบี้ยของเฟดลดลงไปเนื่องจาก Brexit และข้อมูลการจ้างงานประจำเดือน พ.ค. ที่ออกมาแย่กว่าคาด
JPMorgan ระบุว่า มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยแต่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น รวมถึงความเสี่ยงเองก็ลดน้อยถอยลงไปเช่นกัน ซึ่งจะทำให้เฟดสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้ โดยคาดว่าเฟดน่าจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. แต่ก็อาจจะเห็นการขึ้นดอกเบี้ยได้ในเดือน ก.ย. เช่นเดียวกัน ถ้าหากข้อมูลการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อออกมาดีมากๆ
ส่วน Goldman Sachs ได้เพิ่มความน่าจะเป็นที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. นี้ โดยเพิ่มสู่ระดับ 30% จากระดับ 25% ขณะที่คาดว่าโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้อยู่ที่ 70%
ขณะที่ Bank of America Merrill Lynch ระบุว่า เฟดตระหนักว่าตลาดนั้นเริ่มสงบลง หลังได้รับผลกระทบจาก Brexit อย่างไรก็ดีมุมมองต่อเศรษฐกิจโลกนั้นยังไม่แน่นอน ดังนั้นจึงคาดว่าเฟดน่าจะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. แต่เฟดน่าจะส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.
ผลสำรวจของ Citi/YouGov ระบุว่า การคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาวของชาวอังกฤษได้ลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนนี้ แม้มีการคาดว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นในปีหน้า
ทั้งนี้ ผลสำรวจเปิดเผยว่า ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในช่วง 5-10 ปีข้างหน้าได้ลดลงสู่ระดับ 2.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุด นับตั้งแต่ที่Citi/YouGov เริ่มจัดทำการสำรวจในเดือนพ.ย.2005
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด หลังจากมีรายงานบ่งชี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับตัวเลขคาดการณ์ รวมถึงจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐ ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 78 เซนต์ หรือ 1.9% ปิดที่ 41.14 ดอลลาร์/บาร์เรล