ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลง 0.13% ที่ระดับ 18,432.24 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น 0.16% ที่ระดับ 2,173.6 จุด โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุด 7 ครั้งในเดือนนี้ จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั้งAlphabet และ Amazon ที่ส่งผลต่อตลาดมากกว่าการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน
อย่างไรก็ดี ภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงไป 0.75% ขณะที่ดัชนี S&P ปรับตัวลง 0.7%
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในเช้าวันนี้ โดย GDP ของสหรัฐฯที่ออกมาแย่กว่าคาด ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดน่าจะมีโอกาสขึ้นอัตราดอกเบี้ยลดลง โดยดัชนี MSCI Asia Pacific ex Japan ปรับตัวสูงขึ้น 0.3% ในวันนี้ เคลื่อนตัวใกล้กับจุดสูงสุดในรอบ 1 ปี
นักบริหารเงิน ประเมินว่า สัปดาห์นี้ค่าเงินบาทน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.70 - 35.00 บาท/ดอลลาร์ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามอง ได้แก่ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร, อัตราการว่างงาน, ดัชนี PMI และภาคการใช้จ่ายของชาวสหรัฐฯ เพื่อประเมินโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด นอกจากนี้ยังต้องจับตา การประชุมของบีโออี, ข้อมูลเงินเฟ้อไทย รวมทั้ง PMI ของจีน ยูโรโซน อังกฤษ และญี่ปุ่นอีกด้วย