ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน น้อยกว่าเดือน พ.ค. ที่ปรับตัวสูงขึ้น 0.2% ขณะที่ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.6% เมื่อเทียบรายปี ในเดือน มิ.ย. เท่ากับเดือน พ.ค.
ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนมิ.ย. โดยปรับตัวขึ้น 0.4% เท่ากับเดือนก่อนหน้า มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดสาขาดัลลัส ระบุเมื่อวานนี้ว่า ความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงมีอยู่และต้องการการติดตามอย่างใกล้ชิด และเฟดควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างระมัดระวัง โดยตัวเขากำลังติดตามว่าเหตุใดประเทศสำคัญนอกสหรัฐฯถึงมีการเติบโตที่ชะลอตัว มีกำลังการผลิตส่วนเกิน และมีหนี้สินต่อจีดีพีในระดับสูง
นอกจากนี้นายแคปแลน ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า สหรัฐฯต้องการตำแหน่งงานใหม่ราย 80,000 – 125,000 ตำแหน่ง ต่อเดือน เพื่อให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่ง และในขณะนี้ตัวเขาต้องการข้อมูลเพิ่มเติมว่าเหตุใดการเติบโตของจีดีพีถึงอยู่ในระดับต่ำ ทั้งๆที่ตลาดแรงงานเติบโอย่างแข็งแกร่ง
นายเดนนิส ล็อกฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า ระบุเมื่อวานนี้ว่า ยังเร็วเกินไปที่จะคาดว่าเฟดจะไม่สามารถขึ้นดอกเบี้ยได้ในการประชุมครั้งถัดไปในเดือน ก.ย. เนื่องจากเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจเป็นสำคัญ
นอกจากนี้นายล็อกฮาร์ท ยังระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯนั้นควรจะเติบโตได้มากกว่า 1.2% ในไตรมาสที่ 2/2016 ที่ผ่านมา เนื่องจากการใช้จ่ายผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ดีจีดีพีกลับเติบโตได้ไม่มากนักเนื่องจากสต็อกสินค้าคงคลัง
ราคาน้ำมันดิบเมื่อวานนี้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องต่ำกว่า 40 เหรียญ/บาร์เรล เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน เม.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลต่อสต็อกน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆที่อยู่ในระดับสูง แม้ว่าจะได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงก็ตาม
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 1.4% สู่ระดับ 39.51 เหรียญ/บาร์เรล
ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบหดตัวลงมาแล้วกว่า 22% นับตั้งแต่เดือน มิ.ย.