ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์ปรับตัวขึ้นระดับวันดีที่สุดในรอบเดือน โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดปรับตัวสูงขึ้น 191.21 จุด หรือคิดเป็น +1.04% ที่ระดับ 18,543.26จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด +0.86% และดัชนี Nasdaq ปิด +1.06% ซึ่งทั้งดัชนี S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่ข้อมูลภาคแรงงานตลอดช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาหนุนมุมมองเชิงบวกของการขยายตัวที่รวดเร็วของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นในเช้าวันนี้ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้นจากข้อมูลภาคแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ จึงเน้นย้ำถึงโอกาสที่เฟดอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในปีนี้ โดยดัชนี MSCI ที่ไม่รวมญี่ปุ่น ปรับเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 0.7% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนีนิกเกอิเช้านี้เปิด +1.6%หลังจากที่ปรับตัวลง 1.9% ในสัปดาห์ที่ผ่านมาจากการแข็งค่าของค่าเงินเยน
นักบริหารเงิน ประเมินว่าวันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.70-35.10 บาท/ดอลลาร์ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนสิงหาคม, ยอดค้าปลีกดัชนีราคู้ผลิต, ดัชนีราคานำเข้า/ส่งออกเดือนกรกฎาคมและสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ-ภาคการค้าส่งเดินมิถุนายน นอกจากนี้นักลงทุนยังสนใจตัวเลขเศรษฐกิจจีนเดือนกรกฎาคม
กกต. เผยผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการในการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเมื่อช่วงค่ำวานนี้ ซึ่งเป็นผลการนับคะแนนไปแล้ว 94% จากจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิทั้งประเทศ 27,623,126 คน พบว่า ประเด็นที่ 1 ในส่วนของร่างรัฐธรรมนูญ มีประชาชนเห็นชอบ 15,562,027 คน หรือคิดเป็น 61.40% และไม่เห็นชอบ9,784,680 คน หรือคิดเป็น 38.60%
ส่วนประเด็นที่ 2 ในส่วนของคำถามพ่วงท้าย มีประชาชนเห็นชอบ 13,969,594 คน หรือคิดเป็น 58.11% และไม่เห็นชอบ 10,070,599 คน หรือคิดเป็น 41.89%
ทั้งนี้ มีจำนวนบัตรดี 26,688,729 ล้านใบ และบัตรเสีย 869,043 ใบ