ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ ท่ามกลางเหล่าเทรดเดอร์ที่มีความคิดเห็นเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
โดยเช้านี้ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวที่ระดับ 96.295 หลังจากที่ปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ในคืนวันศุกร์ขานรับข้อมูลการจ้างงาน ด้านค่าเงินเยนเช้านี้อ่อนค่าลงเล็กน้อยบริเวณ 102.07 เยน/ดอลลาร์ จากระดับแข็งค่า 100.873 เยน/ดอลลาร์ในวันศุกร์ ขณะที่ค่าเงินยูโรเช้านี้อ่อนค่าลงบริเวณ 1.1084 ดอลลาร์/ยูโร
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผย จำนวนการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของภาครัฐบาลประจำเดือนกรกฎาคม ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างมาก ที่ระดับ255,000 ตำแหน่ง ขณะที่ข้อมูลในเดือนมิถุนายนถูกปรับทบทวนขึ้นมาที่ระดับ 292,000 ตำแหน่ง
ขณะที่อัตราการว่างงานยังคงทรงตัวที่ระดับ 4.9% ในเดือนที่ผ่านมา แต่ยังคงต่ำกว่าระดับ 5% จึงบ่งชี้ว่าภาคการจ้างงานยังคงมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ข้อมูลที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง ได้แก่ อัตราค่าแรงรายชั่วโมงที่ปรับเพิ่มขึ้นเกินคาดแตะระดับ 0.3% จากระดับ 0.1% ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งการเพิ่มขึ้นดังกล่าวส่งผลให้ภาพรวมค่าแรงรายปีเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 2.6% เมื่อเทียบรายปี
นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก Bank of America Merill Lynch กล่าวว่า รายงานการจ้างงานในเดือนกรกฎาคมสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง และช่วยยืนยันต่อการขยายตัวของข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ รวมทั้งอาจเป็นเหตุผลที่หนุนให้เฟดตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยปีนี้
หลังประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯในคืนวันศุกร์ พบว่า การประเมินโอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้เพิ่มขึ้นแตะ 46% จากเดิมที่คาดว่ามีโอกาส34%
ด้านผลสำรวจสถาบันการเงินขนาดใหญ่ 3 แห่งในสหรัฐฯ เผยว่าเฟดอาจตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมระหว่างวันที่ 20-21 กันยายน หลังจากที่ผลสำรวจครั้งก่อนบ่งชี้ว่าแทบไม่มีโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนดังกล่าว
ขณะที่นักกลยุทธ์บางส่วน มองว่า เดือนธันวาคมเป็นเดือนที่เฟดน่าจะตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงิน
รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า สัญญาณความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของค่าแรง อาจกลายมาเป็นหนึ่งในปัจจัยสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ และอาจสร้างความไม่พอใจให้แก่ผู้มีสิทธิลงคะแนน เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจทำให้ชาวอเมริกาส่วนใหญ่ถูกคำนึงถึงในภายหลัง
รายงานจากธนาคารกลางจีน (PBoC) ระบุว่า การสำรองอัตราแลกเปลี่ยนต่างประเทศของจีนในเดือนกรกฎาคมลดลง 3.2 ล้านล้านเหรียญฯ จากระดับ 3.21 ล้านล้านเหรียญฯในเดือนก่อนหน้า ขณะที่ปริมาณการสำรองทองคำเพิ่มสูงขึ้นแตะระดับ 7.889 หมื่นล้านเหรียญในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคม จากระดับ 7.743 หมื่นล้านเหรียญในเดือนก่อนหน้า
ทั้งนี้ การขายอัตราแลกเปลี่ยนต่างประเทศสุทธิของจีน ถือว่าเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 3 เดือน เนื่องจากธนาคารกลางจีนต้องการปกป้องค่าเงินหยวนจากความผันผวนของตลาดการเงิน หลังอังกฤษตัดสินใจเลือกออกจากอียู
น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับลดลง 13 เซนต์ ที่ระดับ 41.80 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดลด 2 เซนต์ ที่ระดับ 44.27 เหรียญ/ บาร์เรล เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์หลังจากข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯออกมาสดใส