ในคืนวันศุกร์ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด -0.24% ที่ระดับ 18,552.57 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิด -0.14% ที่ระดับ 2,183.87จุด และดัชนี Nasdaq ปิด -0.03% ที่ระดับ 5,238.38 จุด โดยภาพรวมตลาดหุ้นเกือบทั่วโลกกลับมาปรับตัวลดลง ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 2 เดือน ด้านค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่า ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่เริ่มต้นประเมินแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้
ทั้งนี้ กลุ่มนักลงทุนกลับมาให้น้ำหนักกับประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่อาจเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนนี้ หลังจากที่ถ้อยแถลงของสมาชิกเฟดบางรายในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา อาทิ ถ้อยแถลงของ นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ที่ระบุว่า การที่เฟดใช้เวลารอคอยที่นานเกินไปในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ จึงมีความเป็นไปได้ที่เฟดควรทำการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน
อย่างไรก็ดี ในสัปดาห์นี้กลุ่มนักลงทุนให้ความสำคัญไปยังการประชุมของธนาคารกลางทั่วโลก ณ เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง และมีความเป็นไปได้ที่เราอาจเห็น นางเจเน็ต เยลเลน เตรียมกล่าวถึงมุมมองการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนี MSCI Asia-Pacific ex Japan ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับตัวลดลง 0.2% ในเช้าวันนี้ ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ปรับตัวลดลง 0.3%ท่ามกลางเหล่านักลงทุนที่กำลังรอคอยสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจากนางเจเน็ต เยลเลน ในคืนวันศุกร์นี้
นักบริหารเงิน ระบุ ค่าเงินบาทวันศุกร์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ เพราะไม่ค่อยมีปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อเงินบาท ประกอบกับFlow ไม่ค่อยมีเข้ามามากนัก คาดวันนี้จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 34.55 - 34.65 บาท/ดอลลาร์ โดยต้องถ้อยแถลงของประธานเฟดในสัปดาห์นี้