MTS Help Center

นายสแตนลีย์ ฟิชเชอร์ รองประธานเฟด มีถ้อยแถลงในวันอาทิตย์เมื่อวานนี้ โดยนายสแตรลีย์มีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยระบุว่า เฟดใกล้ที่จะบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ 2% และการจ้างงานเต็มที่ อย่างไรก็ดีรองประธานเฟดไม่ได้กล่าวว่าเฟดควรจะดำเนินการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด

รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า แม้ข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯจะแข็งแกร่ง และส่งผลให้เจ้าหน้าที่เฟดบางส่วนแสดงความคิดเห็นว่า เฟดอาจทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ หรืออาจเกิดขึ้นในการประชุมเดือนกันยายนนี้ แต่จากรายงานประชุมเฟดล่าสุด เมื่อวันที่ 26-27 กรกฎาคม แสดงให้เห็นว่า สมาชิกเฟดส่วนใหญ่ยังมีมุมมองที่ว่าเฟดยังไม่ควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ เนื่องจากจำเป็นต้องพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติมมากกว่านี้ ประกอบไปด้วยการจ้างงาน ก่อนที่จะตัดสินใจทำการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จึงอาจส่งผลให้ นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด อาจกล่าวย้ำถึงการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้

นักเศรษฐศาสตร์จาก HSBC ระบุว่า เยลเลนอาจเตรียมข้อมูลการประเมินมุมองการขยายตัวของภาคแรงงานในปัจจุบัน รวมทั้งการขยายตัวของเงินเฟ้อและสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเรามีโอกาสที่อาจจะเห็นเธอมีท่าทีระมัดระวังในการขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรืออาจทราบกรอบเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้

ผลสำรวจ Fed Fund Futures ของ CME Group ในช่วง 30 วัน พบว่า มีโอกาส 18% ที่เฟดจะขึ้นอัตราอกเบี้ยเดือนกันยายน ขณะที่ในเดือนพฤศจิกายนมีโอกาส 25% โดยเพิ่มขึ้นจากการประเมินก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 20%

ขณะที่ตลาดประเมินว่าเฟดมีโอกาส 50% ที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมนี้ ขณะที่กุมภาพันธ์ปี 2017 คาดมีโอกาส54% ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ระบุว่า เฟดไม่เคยตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากการคาดการณ์ของตลาดไม่อยู่เหนือระดับ50%

ราคาน้ำมันดิบคืนวันศุกร์ปิดลดลง และปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 8 สัปดาห์ มาจากการที่นักลงทุนในตลาดทำการTake Profit หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบสามารถปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดได้อีกครั้งหนึ่งในปีนี้ โดยสัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเกือบ 10 เหรียญ/บาร์เรล หรือเกือบ 25% ในระยะเวลากว่า 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตอบรับกับกระแสคาดการณ์ที่ว่า ซาอุดิอาระเบีย และประเทศสมาชิกอื่นๆในกลุ่มโอเปกจะสามารถบรรลุข้อตกลงการตรึงกำลังการผลิตร่วมกับประเทศนอกกลุ่มโอเปกอย่างรัสเซียได้ในเดือนหน้า

โดยน้ำมันดิบ WTI ปิดปรับตัวขึ้น 30 เซนต์ ที่ระดับ 48.52 เหรียญ/บาร์เรล โดยภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นได้แล้วกว่า9% โดยในช่วงต้นสัปดาห์สามารถขึ้นไปทำจุดสูงสุดนับตั้งแต่ 5 กรกฎาคมได้บริเวณ 48.75 เหรียญ/บาร์เรล

ด้านน้ำมันดิบ Brent ปิดลดลงเล็กน้อย 17 เซนต์ ที่ระดับ 50.72 เหรียญ/บาร์เรล โดยภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นได้ประมาณ 8% โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาน้ำมันดิบ Brent สามารถทำจุดสูงสุดได้แถวระดับ 51.22 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา