การจ้างงาน
ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯเมื่อวานนี้นั้น เผยออกมาที่ระดับ 151,000 ราย ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 180,000 ราย ขณะที่ข้อมูลเดิมเดือน ก.ค. ถูกปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 275,000 ราย
การปรับตัวสูงขึ้นของการจ้างงานนั้นถูกหนุนจากการจ้างงานในภาคบริการ โดยภาคการผลิตและการก่อสร้างนั้นมีการจ้างงานลดลง สอดคล้องกับข้อมูลในวันพฤหัสบดีที่ดัชนี ISM Manufacturing PMI ออกมาต่ำกว่าระดับ 50 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน
นักเศรษฐศาสตร์จาก Wells Fargo ระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวช่วยลดความเป็นไปได้ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. ลง แต่ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่งพอที่จะให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. ได้
ข้อมูลการจ้างงานในเดือน ส.ค. ที่ออกมาต่ำกว่าคาดนั้นสะท้อนถึงความยากลำบากในการกำจัดปัจจัยทางด้านฤดูกาลออกไป เนื่องจากถูกกระทบโดยปฏิทินการศึกษา โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การประกาศข้อมูลการจ้างงานในเดือน ส.ค. ครั้งแรกนั้นมักจะออกมาไม่ดีนัก ก่อนจะถูกแก้ไขให้ดีขึ้นในเวลาถัดมา
นักเศรษฐศาสตร์จาก UniCredit Research ระบุว่า ข้อมูลการจ้างงานเดือน ส.ค. ที่ออกมาชะลอตัวนั้น น่าจะเกิดจากปัจจัยทางด้านฤดูกาลมากกว่าที่จะเกิดจากความอ่อนแอของตลาดแรงงาน
ผลสำรวจธนาคารขนาดใหญ่ซึ่งดำเนินธุรกรรมโดยตรงกับเฟด หรือ Primary Dealers โดย Reuters ระบุว่า โดยธนาคาร 13 แห่งจาก 14 แห่ง คาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะที่มีเพียง 3 แห่งเท่านั้นที่คาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้
เฟด
เมื่อวานนี้นายเจฟฟรี แลคเกอร์ ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ (ไม่มีสิทธิออกเสียง) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯนั้นแข็งแกร่งเพียงพอที่จะให้เฟดสามารขึ้นดอกเบี้ยได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยตัวเขานั้นต้องการให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยให้เร็วขึ้น เนื่องจากกังวลว่าสภาพเศรษฐกิจที่ร้อนแรงเกินไปจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นเกินระดับ 2% และจะทำให้เฟดขาดความน่าเชื่อถือ
ค่าเงินดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อวานนี้ โดยสามารถปรับตัวสูงขึ้นหลังจากที่อ่อนค่าลงหลังข้อมูลการจ้างงานที่อ่อนแอกว่าคาดถูกเผยออกมา เนื่องจากกระแสคาดการณ์ว่าเฟดนั้นจะยังคงขึ้นดอกเบี้ยได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าอยู่ดี
นักกลยุทธ์ค่าเงินจาก Brown Brothers Harriman ระบุว่า ข้อมูลการจ้างงานนั้นไม่อ่อนแอพอที่จะทำให้นักลงทุนเปลี่ยนแปลงมุมมอง
ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.21% สู่ระดับ 95.66 จุด เมื่อวานนี้ โดยก่อนหน้านั้นทำจุดต่ำสุดบริเวณ 95.189 จุด
น้ำมันดิบ
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากที่นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวว่า เขาต้องการให้รัสเซียและกลุ่มประเทศโอเปกบรรลุข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลง
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวสูงขึ้น 3% สู่ระดับ 44.44 เหรียญ/บาร์เรล อย่างไรก็ดีภาพรวมตลอดสัปดาห์ยังคงหดตัวลงเกือบ 7% มากที่สุดในรอบ 8 สัปดาห์ เนื่องจากความกังวลต่อภาวะอุปทานส่วนเกิน
