ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวานนี้ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง, การปิดสถานะ Short ของนักลงทุนในตลาดฟิวเจอร์ส และแรงเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว อย่างไรก็ดีราคาทองคำไม่สามารถปรับตัวสูงขึ้นไปได้มากนักเนื่องจากนักลงทุนกำลังเฝ้ารอการประชุมเฟดและการเพิ่มขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ
นักวิเคราะห์จาก MKS ระบุว่า ราคาทองคำเมื่อวานนี้ในช่วงเช้าปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากแรงเข้าซื้อของนักลงทุนชาวจีน ที่พึ่งกลับเข้ามาในตลาดหลังจากหยุดยาวในเทศกาลไหว้พระจันทร์ โดยหลังจากที่ตลาด Shanghai Gold Exchange เปิดทำการเพียงครึ่งชั่วโมง ราคาทองคำก็สามารถดีดตัวขึ้นมาจนถึงระดับ 1,315 เหรียญได้
นักวิเคราะห์จาก KITCO ระบุว่า ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี แนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ยังมีทิศทางแข็งค่า และราคาน้ำมันดิบยังมีทิศทางชะลอตัว ดังนั้นในระยะอันใกล้นี้อาจพลิกกลับมากดดันราคาทองคำได้ ขณะที่การประชุมเฟดในสัปดาห์นี้เหล่านักลงทุนในตลาดต่างคาดการณ์ว่าเฟดไม่น่าจะขึ้นดอกเบี้ยได้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ ขณะที่การประชุมบีโอเจในสัปดาห์นี้ตลาดการเงินไม่มีความเห็นที่แน่ชัดว่าบีโอเจจะดำเนินมาตรการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ดังนั้นผลกระทบจากการประชุมของบีโอเจจึงอาจจะส่งผลมากกว่าการประชุมเฟดก็เป็นได้
นักวิเคราะห์จาก Commerzbank ระบุว่า การที่กองทุน ETF ทองคำยังคงซื้อทองคำเพิ่มเติมในวันศุกร์ที่ผ่านมาซึ่งราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ได้แสดงให้เห็นว่าเหล่านักลงทุนยังมีเชื่อมั่นต่อราคาทองคำ จึงมองว่าการย่อตัวเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ โดยบางทีการที่เหล่านักลงทุนยังคงมีความเชื่อมั่นต่อราคาทองคำนั้น อาจเกิดจากนโยบายการเงินจากธนาคารกลางทั่วโลกที่ผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ส่งผลให้นักลงทุนเข้าถือครองทองคำเพื่อปกป้องความมั่งคั่งของตน
นักวิเคราะห์จาก Mitsubishi ระบุว่า หากราคาทองคำหลุดระดับ 1,300 เหรียญ ลงมา จะส่งผลให้เกิดแรงเทขายจากการทำ Stop Loss เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้แม้ภาพรวมปัจจัยทางเศรษฐกิจยังเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ อย่างไรก็ดี การประชุมเฟดและบีโอเจในสัปดาห์นี้จะส่งผลให้ราคาเกิดความผันผวนได้
กองทุน SPDR เมื่อวานนี้ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม ยังคงถือครองทองคำที่ระดับ 942.61 ตัน