ราคาทองคำปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ในวันนี้เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น จากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ที่ออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ดีเนื่องจากในสัปดาห์นี้เป็นวันหยุดของจีนจึงคาดว่าจะมีปริมาณการซื้อขายน้อยลง
นักวิเคราะห์จาก Merrill Lynch ระบุว่า ให้ระมัดระวังการปรับตัวลดลงของราคาทองคำ โดยหากต่ำกว่าระดับ 1,300 เหรียญ จะส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะกลายเป็นขาลงรวมถึงเป็นระดับที่น่าจะมีการตั้ง Stop Loss ไว้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นหากหลุดลงไปราคาทองคำจะปรับตัวลดลงต่อจนถึงระดับ Fibonacci Retracement 38.2% ที่ระดับ 1,250 เหรียญ
ทั้งนี้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ในรอบ 10 และ 20 ปี ที่ผ่านมา ราคาทองคำมักจะทรงตัว อย่างไรก็ดีในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยแล้วราคาทองคำนั้นปรับตัวลดลง
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า นักลงทุนรายย่อยในอินเดียหันมาลงทุนในหุ้นมากขึ้น ขณะที่ลงทุนในทองคำลดลงเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวกดดันราคาทองคำ ทั้งนี้กองทุนรวมในอินเดียปัจจุบันมีมูลค่าทั้งสิ้น 16 ล้านล้านรูปี หรือ 2.41 แสนล้านเหรียญ มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดนในจำนวนนี้เป็นการลงทุนในหุ้นถึง 32% เพิ่มขึ้นจากระดับ 20% ในเดือน เม.ย. 2014
โดยกองทุนที่ลงทุนในหุ้นสามารถดึงดูดเงินลงทุนเพิ่มขึ้นได้กว่า 1.63 ล้านล้านรูปี ในช่วงเดือน เม.ย. 2014 – ส.ค. 2016 หรือระยะเวลาเพียง 2 ปีเศษ ซึ่งมากกว่าระดับ 0.934 ล้านล้านรูปี ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นในรอบกว่า 10 ปีก่อนหน้านั้น ระหว่าง ม.ค. 2002 – เม.ย. 2014
นักวิเคราะห์ระบุถึงสาเหตุของการที่ชาวอินเดียหันมาลงทุนในหุ้นว่า
1. นักลงทุนต้องการสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง หลังจากที่ผลตอบแทนจากทองคำและอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำลง
2. นโยบายของภาครัฐทำให้นักลงทุนมีมุมมองต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและผลกำไรของภาคเอกชนดีขึ้น
3. นักลงทุนในเจเนเรชั่น M มีความพร้อมในการรับความเสี่ยงได้มาก
4. ผลตอบแทนหลังปรับอัตราเงินเฟ้อแล้วพลิกกลับมาเป็นบวกในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่ติดลบมานานกว่า 5 ปี