MTS Help Center

ราคาทองคำปรับตัวลดลงมากกว่า 3% เมื่อวานนี้ นับเป็นการปรับตัวลดลงในระดับวันมากที่สุดในรอบเกือบ 3 ปี และหลุดระดับ 1,300 เหรียญ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การทำประชามติ Brexit ของอังกฤษ ในวันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น

สำนักข่าว KITCO อ้างถึงเหล่านักวิเคราะห์ ซึ่งระบุว่า ถ้อยแถลงของประธานเฟดสาขาริชมอนด์ได้หนุนให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และจุดฉนวนแรงเทขายในตลาดทองคำ แม้ประธานเฟดริชมอนด์จะไม่มีสิทธิออกเสียงในที่ประชุม FOMC ก็ตาม และหลังจากหลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 1,300 เหรียญ จึงแรงเทขายจากการทำ Stop Loss และ Margin Calls

นักวิเคราะห์จาก ABN AMRO ระบุว่า หากราคาทองคำปรับตัวลดลงไปต่ำกว่าระดับ 1,257 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ภาวะตลาดกระทิงในทองคำจะสิ้นสุดลง

นักวิเคราะห์จาก RBC Wealth Management คาดการณ์ว่าราคาทองคำจะถูกแรงเทขายได้ต่อ โดยระบุว่า เราไม่รู้ว่าแรงเทขายในครั้งนี้จะกดดันราคาทองคำไปถึงขนาดไหน จนกว่าทุกอย่างจะคลี่คลายลงในอีก 1-2 วันข้างหน้า

นักวิเคราะห์จาก Saxo Bank ระบุว่า ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องกดดันให้เหล่าเทรดเดอร์เทขายทองคำออกมาเมื่อหลุดแนวรับสำคัญ 1,300 เหรียญ ขณะที่นักวิเคราะห์จาก TD Securities ระบุว่า การเทขายทองคำในครั้งนี้ไม่มีเหตุผลทางปัจจัยพื้นฐานมารองรับ ดังนั้นการปรับตัวลงส่วนใหญ่น่าจะเกิดจากการทำ Stop Loss ส่วนนักวิเคราะห์จาก RJO Futures ระบุว่า เกิด Margin Calls เมื่อราคาตกลงไปต่ำกว่าระดับ 1,300 เหรียญ ยิ่งกดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลดลงต่อ