รายงานประชุมเฟดประจำเดือน ก.ย.
รายงานประชุมเฟดประจำเดือน ก.ย. ที่เผยออกมาเมื่อวานนี้ ระบุว่า สมาชิกเฟดหลายรายระบุว่าการขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้เป็นสิ่งจำเป็น หากเศรษฐกิจสหรัฐฯมีพัฒนาการที่เป็นไปตามที่คาดการณ์
โดยสมาชิกบางส่วนที่ต้องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อ้างถึงประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ยในขณะที่อัตราการว่างงานตกลงต่ำกว่าระดับปกติในระยะยาวมักจะตามมาด้วยภาวะเศรษฐกิจถดถอยและอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น และเห็นว่าหากเฟดยังชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปนานเกินไป เฟดก็จะถูกบังคับให้ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นอย่างมากจนทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง
อย่างไรก็ดี การประชุมในเดือนก.ย.นั้น กรรมการส่วนใหญ่มีมติให้ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป โดยมองว่าควรรอดูข้อมูลเศรษฐกิจให้แน่ใจเสียก่อนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะสามารถเข้าสู่เป้าหมายของเฟดได้
นักเศรษฐศาสตร์จาก University of Chicago Booth School of Business ระบุว่า มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ เว้นเสียแต่ว่าจะเผชิญกับปัจจัยลบรุนแรงฉับพลัน
ถ้อยแถลงเฟด
เมื่อวานนี้มีถ้อยแถลงของสมาชิกเฟด 2 ราย ได้แก่ นายวิลเลี่ยม ดัดเลย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก (มีสิทธิออกเสียง) และ นางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัส (มีสิทธิออกเสียง)
โดยนายดัดเลย์ ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯยังอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย อย่างไรก็ดี สหรัฐฯนั้นไม่ได้เผชิญกับปัญหาที่ยากลำบากเฉกเช่นยุโรปและญี่ปุ่นซึ่งต้องต่อสู้กับภาวะเงินฝืด แต่ทั้งนี้เหตุผลที่เฟดยังคงอดทนไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย คือตลาดแรงงานที่ยังคงมีปัญหาการทำงานต่ำระดับ(Underemployed) และยังมีแรงงานอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้กลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน
ขณะที่นางจอร์จ ไม่ได้แสดงความเห็นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯและการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ข้อมูลยอดตำแหน่งงานเปิดรับสมัคร
ข้อมูลยอดตำแหน่งงานเปิดรับสมัครหรือ Jolts Job Openings ออกมาแย่กว่าคาดที่ระดับ 5.4 ล้านตำแหน่ง ทำจุดต่ำสุดในรอบ 8 เดือน
นักวิเคราะห์จาก RDQ Economics ระบุว่า ข้อมูลเศรษฐกิจสามารถมีความผันผวนได้ค่อนข้างสูง ดังนั้นยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่ามันเป็นสัญญาณของการชะลอตัว หรือ เป็นแค่ปัจจัยรบกวนในระยะสั้น ดังนั้นหากข้อมูลดังกล่าวยังคงอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง จึงจะบ่งชี้ได้ว่าภาคธุรกิจบางส่วนอาจกำลังมีปัญหา
น้ำมันดิบ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI เมื่อวานนี้ปรับตัวลดลง 1.2% ปิดที่ 50.18 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนยังคงไม่มั่นใจต่อข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบปิดร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการ