นาย Bart Melek หัวหน้านักวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities กล่าวว่า ราคาทองคำมีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุด 1,350 เหรียญ/ออนซ์ในปีหน้า หลังจากที่ปรับตัวลงต่ำกว่า 1,200 เหรียญ/ออนซ์ จากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมนี้
ซึ่งการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งคาขึ้น และลดปริมาณความต้องการทองคำ ขณะที่ปริมาณความต้องการอาจได้รับแรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยหรือเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำ จึงช่วยให้ทองคำยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลือกเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่นๆ และในช่วงสิ้นปีหน้า เราอาจเห็นการทดสอบจุดสูงสุดดังที่เราเคยได้เห็นในช่วงต้นปีนี้
ภาพรวมทองคำปรับตัวขึ้น 25% ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ หลังจากที่เฟดยังไม่ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับความไม่แน่นอนจากการที่อังกฤษเลือกโหวตออกจากอียู
อย่างไรก็ดี รายงานจาก Bloomberg ระบุว่า แม้ราคาทองคำปรับตัวลดลงแต่ปริมาณความต้องการทองคำของนักลงทุนยังคงมีอยู่ อันจะเห็นได้จากปริมาณการถือครองทองคำของบรรดากองทุนในช่วง 13 ตุลาคมที่ผ่านมา มีการปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2,050.3 เมตริกัน ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่มิถุนายน 2013
ที่มา : Bloomberg