ตลาดหุ้นเอเชียทรงตัวในระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ในเช้าวันนี้ โดยดัชนี MSCI Asia-Pacific ex Japan ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลง 0.14% นับเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากนักลงทุนกำลังจับตามองไปยังข้อมูลเศรษฐกิจและการประชุมธนาคารกลางที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันตลาดฯ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,142.42 จุด ลดลง 18.77 จุด หรือ -0.10% โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบ รวมทั้งความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปรับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่สดใส รวมทั้งข่าวการควบธุรกิจน้ำมันและก๊าซของบริษัทเจเนอรัล อิเลคทริค และบริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์
นักบริหารเงิน ประเมินว่า เงินบาทแกว่งตัวกรอบแคบ คาดรอผลการประชุมเฟดสัปดาห์นี้ วันนี้คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 34.80 – 35.10 บาท/ดอลลาร์
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนก.ย.59 ขยายตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน ตามการใช้จ่ายภาครัฐที่ยังขยายตัวดีและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจ ประกอบกับมูลค่าการส่งออกปรับดีขึ้นพร้อมกันหลายสินค้า จึงช่วยชดเชยภาคการท่องเที่ยวที่เริ่มได้รับผลจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ
ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารยังคงเป้าหมายสินเชื่อปีนี้ขยายตัว 7% จากปัจจุบันขยายตัว 3.8% เนื่องจากอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปีนี้สูงกว่าคาดการณ์ไว้ จากเดิมคาดว่าโต 3% ปรับเพิ่มเป็นขยายตัว 3.3% หลังจากจีดีพีครึ่งปีแรกขยายตัวสูงกว่าที่คาด บวกกับสถานการณ์การส่งออกเดือนสิงหาคมและกันยายนที่ผ่านมาขยายตัวดีกว่าที่คาด ทำให้มีการปรับประมาณการการส่งออกปีนี้ดีขึ้น จากเดิมติดลบ 2.5% เหลือติดลบ 0.5%