ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง
ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อวานนี้ 0.24% สู่ระดับ 97.163 จุด โดยยังได้รับแรงกดดันจากประเด็นการเลือกตั้งสหรัฐอย่างต่อเนื่อง
โพลล์ล่าสุดจาก New York Times/CBS (กลุ่มตัวอย่าง 1,333 คน) ระบุว่า นางฮิลลารี่ คลินตัน ได้เสียงโหวตมากกว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ 3% ขณะที่โพลล์จากWashington Post/ABC (กลุ่มตัวอย่าง 1,767 คน) นางคลินตันมีคะแนนนำนายทรัมป์ 2%
นักวิเคราะห์ ระบุ เหล่าเทรดเดอร์กำลังเตรียมตัวสำหรับรองรับความเสี่ยงหากนายทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี เนื่องจากชัยชนะของทรัมป์อาจก่อให้เกิดการชะลอตัวทางการค้าและเศรษฐกิจทั่วโลก
นักวิเคราะห์จาก Commonwealth Foreign Exchange ระบุว่า ตลาดกำลังปรับตัวจากความเสี่ยงที่นายทรัมป์จะชนะการเลือกตั้ง และโพลล์ส่วนใหญ่ออกมาสูสีกัน ซึ่งทำให้นักลงทุนเป็นกังวล
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ
ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของ ISM มีการขยายตัวที่ระดับ 54.8 ในเดือน ต.ค. ลดลงจากระดับ 57.1 ในเดือน ก.ย. โดยถูกกดดันจากดัชนีย่อย ยอดคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ หดตัวลง 2.3, การจ้างงานหดตัวลง 4.1 และยอดคำสั่งซื้อสินค้าเพื่อส่งออกลดลง 1.0 อย่างไรก็ดี ดัชนีฯยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะขยายตัว
ขณะที่ยอดขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 265,000 ราย สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. แต่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 87
ศาลอังกฤษชี้ รัฐบาลต้องขออนุมัติจากรัฐสภาก่อนดำเนินการ Brexit
ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นกว่า 1% เมื่อวานนี้หลังศาลสูงของอังกฤษมีคำวินิจฉัยว่า รัฐบาลอังกฤษจะต้องขออนุมัติจากรัฐสภาเพื่อเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ก่อนที่รัฐบาลจะดำเนินการถอนตัว เนื่องจากรัฐบาลไม่มีอำนาจในการประกาศเริ่มต้นกระบวนการ Brexit ซึ่งคำตัดสินดังกล่าวส่งผลให้การดำเนินการออกจากอียูนั้นช้าลง
น้ำมันดิบหดตัวลงต่อเนื่อง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) หดตัวลง 1.5% ปิดที่ระดับ 44.46 เหรียญ/บาร์เรล เมื่อวานนี้ โดยราคาน้ำมันปรับตัวลงติดต่อกัน 5 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด และข้อมูลการผลิตน้ำมันประจำเดือนต.ค.ของกลุ่มโอเปค ออกมาสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 33.82 ล้านบาร์เรล/วัน จากเดิมที่ 33.69 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือนก่อนหน้า