การจ้างงาน
วันศุกร์ที่ผ่านมาค่าเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวนเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ในตลาดนิวยอร์ก เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากกระแสการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. อย่างไรก็ดียังคงได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ ได้แก่ ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐฯประจำเดือนตุลาคมออกมาแย่กว่าที่คาดที่ระดับ 161,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่ระดับ 191,000 ตำแหน่งในเดือนก่อนหน้า ขณะที่อัตราการว่างงานออกมาดีกว่าเดิม ที่ระดับ 4.9% นอกจากนี้ยอดดุลการค้าสหรัฐฯ ออกมาดีขึ้นกว่าที่คาดโดยในเดือนตุลาคมมียอดขาดดุลลดลง 4.3 พันล้านเหรียญฯ ที่ระดับ 3.64 หมื่นล้านเหรียญฯ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 4.07 หมื่นล้านเหรียญ
ขณะเดียวกัน ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ ได้เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. จากเดิมที่ระดับ 0.3% ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจส่วนใหญ่ออกมาแข็งแกร่งช่วยหนุนให้ค่าจ้างปรับตัวสูงขึ้น และอาจจะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ในเดือนธันวาคม
FBI
นายเจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) เมื่อวานนี้ได้ยืนยันต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐว่า FBI จะไม่เปลี่ยนแปลงข้อสรุปจากรายงานเดิมเมื่อเดือน ก.ค. ที่ว่า นางฮิลลารี คลินตัน ไม่มีความผิดทางคดีอาญา หลังจากที่ทาง FBI ได้ทำการตรวจสอบอีเมล์ส่วนตัวที่นางฮิลลารีได้รับและส่งข้อความในช่วงที่เธอดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ
ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในตลาดเอเชียเช้านี้ จากประเด็นดังกล่าว โดยดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.20% สู่ระดับ 97.26 จุด ขณะที่แข็งค่าขึ้นราว 0.80% เมื่อเทียบกับค่าเงินเยนซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย สู่ระดับ 103.89 เยน/ดอลลาร์
FED
ในวันศุกร์ที่ผ่านมามีถ้อยแถลงของสมาชิกเฟดทั้งสิ้น 3 ราย ซึ่งต่างมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐทั้งสิ้น แต่ทั้งสามรายกลับไม่ได้ระบุถึงความเป็นไปได้ในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. นี้
นายสแตนลี่ ฟิชเชอร์ รองประธานเฟด ระบุว่า ตลาดแรงงานสหรัฐมีความแข็งแกร่ง นอกจากนี้ตลาดแรงงานและอัตราเงินเฟ้ออาจปรับตัวจนเกินเป้าหมายของเฟดไป อย่างไรก็ดีนายฟิชเชอร์ไม่ได้ระบุว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด แต่ก็ตระหนักดีว่าตลาดการเงินคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. นี้
นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดสาขาดัลลัส (ไม่มีสิทธิออกเสียง) ระบุว่า เขาเชื่อว่ามีเหตุผลสนับสนุนให้เฟดสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้และเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ 2 ครั้งในปี 2017 อย่างไรก็ดีนายแคปแลนปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่าควรจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งถัดไปเมื่อใด พร้อมทั้งระบุว่าประเด็นทางการเมืองไม่มีผลต่อการตัดสินใจดำเนินนโยบายของเฟด
นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา (ไม่มีสิทธิออกเสียง) ระบุว่า ในช่วง 2 ปีนี้เฟดควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปท่ามกลางการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจและตลาดแรงงานสหรัฐจะเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ดีนายล็อคฮาร์ทไม่ได้ระบุว่าเฟดควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. นี้หรือไม่
Polls
ผลการสำรวจคะแนนนิยมล่าสุดของผู้สมัครลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งก่อนจะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐนั้นคือวันที่ 8 พ.ย.นี้ ปรากฎว่าโพลล์ระดับชาติหลายสำนักชี้ว่า ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งผู้สมัครทั้งสองยิ่งมีคะแนนสูสีกัน โดยบีบีซี โพลล์ออฟโพลล์ (BBC Poll of Polls) รวบรวมผลสำรวจคะแนนนิยมจากโพลล์ระดับชาติ 5 แห่งซึ่งพบว่าในวันศุกร์ที่ผ่านมาทั้งสองนั้นมีคะแนนนิยมเท่ากันที่ระดับ 45%
ขณะที่ผลสำรวจพบว่าในระยะหลังคะแนนนิยมของนางคลินตันลดลง ซึ่งอาจจะเป็นผลมาจากการที่เอฟบีไอได้เผยว่า กำลังสืบสวนกรณีที่นางคลินตันได้ละเมิดกฎการรักษาข้อมูลลับของทางการ ส่วนผลโพลล์จาก Reuters / Ipsos States of the Nation คาดการณ์ว่านางคลินตันจะมีโอกาสได้รับชัยชนะลดลง จากเดิมมีโอกาสชนะอยู่ที่ 95% ขณะนี้เหลือเพียง 90%
น้ำมันดิบ
น้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 1.32% สู่ระดับ 44.07 เหรียญ/บาร์เรล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยปรับตัวลงติดต่อกัน 6 วันทำการ หลังจากมีรายงานว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐฯมีจำนวนเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลการประชุมโอเปกในช่วงสิ้นเดือนนี้