ราคาทองคำเมื่อวานนี้พลิกกลับมาปิดปรับตัวลดลง หลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นมากตอบรับผลการเป็นประธานาธิบดีสหรัฐของนายโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเมื่อวานนี้ทองคำปรับขึ้นทำจุดสูงสุดเกือบ 5% ทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,338 เหรียญ ก่อนจะหดตัวลงมาจากค่าเงินดอลลาร์ที่พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น
ค่าเงินดอลลาร์พลิกกลับมาปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวานนี้ โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นมาที่ 98.537 จุด โดยเมื่อวานนี้ลงไปทำจุดต่ำสุดถึงระดับ 95.89 จุด
นักวิเคราะห์จาก UBS Wealth Management Research ระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์ว่าการเป็นประธานาธิบดีของนายทรัมป์จะหนุนหรือจะกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐในระยะยาว อย่างไรก็ดี นโยบายของนายทรัมป์น่าจะกดดันให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของสหรัฐปรับตัวลดลง รวมถึงนโยบายที่สร้างความไม่แน่นอนของนายทรัมป์จะช่วยหนุนราคาทองคำ โดยคาดการณ์ว่าทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 1,350 เหรียญภายในระยะเวลา 6 เดือนข้างหน้า
นักวิเคราะห์จาก KITCO ระบุว่า ในช่วงที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงไป 800 จุดหรือ 5% ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นกว่า 50 เหรียญ อย่างไรก็ดีราคาทองคำพลิกกลับมาปรับตัวลดลงสู่ระดับ 1,270 เหรียญขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 1%
ผู้อำนวยการฝ่าย Investment Research ประจำ World Gold Council ระบุว่า ตลาดการเงินปรับตัวลดลงอย่างหนักตามข่าวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่ตลาดทองคำปรับตัวสุงขึ้น คาดการณ์ว่า ความผันผวนในระยะสั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลักเลี่ยงได้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและมุมมองทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป ประกอบกับนโยบายการเงินทั่วโลกที่ผ่อนคลายเป็นอย่างมากในปัจจุบัน และคาดการณ์ว่าปัจจัยต่างๆเหล่านี้จะช่วยหนุนความต้องการทองคำเพื่อการลงทุนอย่างแข็งแกร่ง
นักวิเคราะห์จาก GFMS ประจำ Thomson Reuters ระบุว่า ชัยชนะของนายทรัมป์นั้นช่วยหนุนราคาทองคำ อย่างไรก็ดีแรงหนุนนั้นไม่ได้ระเบิดออกมาในทีเดียว แต่คาดว่าจะไปช่วยเพิ่มแรงเข้าซื้อเมื่อย่อตัว หรือ กลยุทธ์การ Buy on dip ของนักลงทุน
กองทุน SPDR เมื่อวานนี้เข้าซื้อทองคำเพิ่มเติม 5.34 ตัน สู่ระดับ 955.03 ตัน