MTS Help Center

ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาว เพิ่มสูงขึ้น

ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐ อายุ 10 ปี ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 2.1% ปรับขึ้นมาแล้วกว่า 0.25% นับจากวันพุธ ขณะที่อายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.9% หรือปรับขึ้นมากว่า 0.28%

นักวิเคราะห์บางส่วนคาดเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยได้เร็วขึ้น

นักวิเคราะห์หลายรายระบุว่าการปรับตัวสูงขึ้นของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาว หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อน่าจะปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งหมายความว่าจากเดิมที่เฟดจะสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้เร็วขึ้นตามไปด้วย ทั้งจาก PIMCO, TIAA Global Asset Management, Newport Beach ซึ่งต่างคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้มากกว่าคาดในปี 2017

โดยนักวิเคราะห์จาก PIMCO คาดการณ์ว่า เฟดจะสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้ 3 ครั้ง ในปี 2017 ซึ่งมากกว่าการคาดการณ์ของสมาชิกเฟดเองเสียอีกที่คาดว่าในปี 2017 จะสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้ 2 ครั้ง ขณะที่นักวิเคราะห์จาก TIAA Global Asset Management กล่าวว่า หากนายทรัมป์ใช้นโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น เฟดอาจจะต้องขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นกว่าที่คาดเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่จะเพิ่มขึ้นถึงเป้าหมายที่ระดับ 2%

อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์บางส่วนไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น

นักวิเคราะห์จาก FTN Financial, Allianz Investment Management, Blackrock และ JPMorgan คาดการณ์ว่า เฟดน่าจะไม่สามารถขึ้นดอกเบี้ยได้เร็วขึ้น

นักวิเคราะห์จาก FTN Financial ระบุว่า ผลการเลือกตั้งที่ออกมานั้น ทำให้การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือน ธ.ค. นี้ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นแน่นอนอีกต่อไป โดยเฟดอาจจะเลื่อนไปต้นปี 2017 แทนก็เป็นได้

ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Allianz Investment Management คาดการณ์ว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยได้ 1 ครั้งในปี 2017 แต่ก็ระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มเป็น 2 หรือ 3 ครั้ง โดยให้เหตุผลว่าอัตราเงินเฟ้อ,การใช้จ่ายภาครัฐและอัตราดอกเบี้ย ไม่มีทางพุ่งสูงขึ้นได้มากโดยไม่กระทบกับค่าเงินดอลลาร์และเศรษฐกิจ

ส่วนก่อนหน้านี้ Blackrock ได้ระบุว่า การที่นายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งน่าจะทำให้เฟดไม่สามารถขึ้นดอกเบี้ยได้ในเดือน ธ.ค. นี้ ส่วนJPMorgan ระบุว่า ความไม่แน่นอนและความผันผวนที่เกิดขึ้นตามมาหลังการเลือกตั้งได้ลดความน่าจะเป็นที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยลงไป

แล้วนักลงทุนว่าอย่างไรกับเฟด?

ล่าสุดความน่าจะเป็นที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. นี้ อยู่ที่ระดับ 84% เพิ่มขึ้นจากระดับ 76% ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ในระหว่างเผยผลการเลือกตั้งช่วงคืนวันอังคารตามเวลาสหรัฐ(เช้าวันพุธตามเวลาประเทศไทย) ความน่าจะเป็นดังกล่าวได้ร่วงลงไปต่ำกว่าระดับ 50% หลังนายทรัมป์ได้คะแนนนำ นางฮิลลารี

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในวันนี้

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในวันนี้โดยนักลงทุนให้ความสนใจไปยังภาวะอุปทานล้นตลาดที่คาดว่าจะยังคงไม่ดีขึ้นหากกลุ่มโอเปคและผู้ผลิตน้ำมันดิบรายสำคัญอื่นๆยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงตรึงกำลังการผลิตเอาไว้ได้ โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 0.29% สู่ระดับ 44.53 เหรียญ/บาร์เรล