ราคาทองคำปรับตัวลดลงเมื่อวานนี้กว่า 2.52% ปิดที่ระดับ 1,227.49 เหรียญ โดยทำจุดต่ำสุดในรอบกว่า 5 เดือนที่ระดับ 1,219.28 เหรียญ ภาพรวมตลอดสัปดาห์ปรับตัวลดลงไปกว่า 5.91% นับเป็นสัปดาห์ที่แย่ที่สุดของทองคำนับตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2013 ขณะที่เช้านี้ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่ออีก 0.94% สู่ระดับ 1,215 เหรียญ
สำนักข่าว KITCO ระบุว่า ก่อนหน้าการเลือกตั้ง นักวิเคราะห์หลายรายต่างระบุว่า หากนายทรัมป์สามารถเอาชนะการเลือกตั้งไปได้ ราคาทองคำอาจปรับตัวสูงขึ้นถึงระดับ 1,400 เหรียญ อย่างไรก็ดี หลังผลการเลือกตั้งนายทรัมป์มีท่าทีอ่อนน้อมมากขึ้นและกระแสคาดการณ์ว่านายทรัมป์จะออกนโยบายลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนานใหญ่ ได้ช่วยหนุนตลาดหุ้นขึ้นมา และกดดันตลาดทองคำลง
ในขณะที่ทั่วโลกกำลังติดตามทวิสเตอร์ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา นักลงทุนทุกคนก็ควรที่จะประเมินภาพรวมเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน โดยในสัปดาห์หน้าจะมีข้อมูลยอดค้าปลีก, อัตราเงินเฟ้อ และข้อมูลการผลิตและอสังหาริมทรัพย์บางส่วน ประกาศออกมา
นักวิเคราะห์จาก IG เห็นด้วยว่า ภาพลักษณ์ของนายทรัมป์ดูดีขึ้น อย่างไรก็ดี ความผันผวนยังคงมีอยู่ในระดับสูงเนื่องจากความไม่แน่นอนจำนวนมากยังคงปกคลุมตลาดการเงินอยู่ คาดราคาทองคำหมดการเป็นขาขึ้นไปแล้ว อย่างน้อยก็จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้น คาดจะปรับตัวลดลงโดยมีเป้าหมายที่ระดับ 1,200 เหรียญ
นักวิเคราะห์จาก Capital Economics มีความเห็นว่า ตลาดการเงินกำลังให้ความสนใจไปยังแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนานใหญ่ ซึ่งจะช่วยหนุนความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมโลหะและตลาดหุ้น ขณะที่กดดันราคาทองตำลง นอกจากนี้ทองคำยังถูกกดดันจากกระแสคาดการณ์ว่าเฟดใกล้ที่จะขึ้นดอกเบี้ยได้
ในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ตลาดการเงินกำลังจับตามองไปยังถ้อยแถลงของนางเจเนต เยลเลน ประธานเฟด ต่อหน้าสภาคองเกรส ซึ่งจะมีขึ้นในคืนวันพฤหัสบดีตามเวลาประเทศไทย
ผลการสำรวจจาก KITCO ระบุว่า แม้ทั้งนักลงทุนและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นได้ในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ดี สัดส่วนที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นนั้นมีเพียงครึ่งเดียว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงมีนักลงทุนและนักวิเคราะห์จำนวนอีกครึ่งหนึ่งที่คาดว่าราคาทองคำจะปรับตัวลดลงหรือทรงตัว
เมื่อวานนี้กองทุน SPDR ขายทองคำออกมาอีก 7.12 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 934.56 ตัน ภาพรวมตลอดสัปดาห์เทขายทองคำออกมาทั้งสิ้น 15.13 ตัน