ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 9 เดือน
ในวันนี้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 9 เดือนเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยยังแข็งค่าขึ้นต่อหลังนายโดนัลด์ ทรัมป์สามารถเอาชนะการเลือกตั้งมาได้ ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.44% สู่ระดับ 99.50 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.
ทั้งนี้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นตามกระแสคาดการณ์ว่านโยบายของนายทรัมป์จะช่วยหนุนการใช้จ่ายและอัตราเงินเฟ้อขึ้น ส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรและค่าเงินดอลลาร์เพิ่มสูงขึ้น
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวสูงขึ้นต่อในวันนี้อีก 11 เบสิสพ๊อย สู่ระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือนที่ระดับ 2.2% ในตลาดเอเชียวันนี้
พันธบัตรถูกเทขายอย่างหนัก และมูลค่าตราสารหนี้ทั่วโลกลดลงกว่า 1 ล้านล้านเหรียญในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในสัปดาห์ที่ผ่านมามูลค่าตราสารหนี้ทั่วโลกปรับตัวลดลงกว่า 1 ล้านล้านเหรียญ เนื่องจากการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ สามารถเอาชนะการเลือกตั้งขึ้นมาได้
ดัชนี Bank of America’s Global Broad Market Index ซึ่งติดตามการเคลื่อนไหวของราคาพันธบัตรทั่วโลกกว่า 24,000 รายการ มีมูลค่าลดลง 1.14 ล้านล้านเหรียญในสัปดาห์ที่ผ่านมา นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบกว่า 20 ปีที่มูลค่าพันธบัตรหดตัวลงกว่า 1 ล้านล้านเหรียญในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในเดือน มิ.ย. 2013 ช่วงที่เฟดภายใต้การนำของนายเบน เบอนันเก้ พยายามลดการเข้าซื้อพันธบัตรและนำไปสู่การเทขายพันธบัตรอย่างหนัก หรือที่เรียกว่า “Taper Tantrum”
นักวิเคราะห์จาก Commonwealth มีความเห็นว่า การมาของนายทรัมป์เป็นปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนมุมมองต่อการลงทุนไป โดยขณะนี้มีกระแสคาดการณ์ว่านโยบายของนายทรัมป์จะมีการใช้จ่ายภาครัฐมากขึ้นและช่วยหนุนอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งช่วยให้เฟดสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในเดือน ธ.ค. นี้ และช่วยให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยได้เร็วขึ้นในปี 2017 และ 2018 อีกด้วย
ยอดขายบ้านจีนเริ่มชะลอตัวลง
ยอดขายบ้านใหม่ของจีนเติบโตช้าลงในเดือน ต.ค. โดยปรับตัวสูงขึ้น 38% สู่ระดับ 9.41 แสนล้านหยวน (1.38 แสนล้านเหรียญ) เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 61% บ่งชี้ถึงการเข้าควบคุมตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนโดยรัฐบาลจากการเพิ่มเงื่อนไขต่างๆ อาทิ เพิ่มวงเงินดาวน์และการคัดกรองผู้กู้ให้เข้มงวดมากขึ้น เป็นต้น
คุโรดะ มั่นใจบีโอเจบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2%
นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น ได้กล่าวแสดงความเชื่อมั่นในวันนี้ว่า BOJ จะสามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ในปีงบประมาณ 2561 โดยระบุว่า การฟื้นตัวขึ้นของราคาน้ำมันและความเป็นไปได้ที่อัตราค่าแรงจะสูงขึ้นนั้น จะช่วยหนุนราคาผู้บริโภคให้ปรับตัวสูงขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม นายคุโรดะเตือนว่า ราคาผู้บริโภคของญี่ปุ่นมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง เนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวบ่งชี้ว่า BOJ กำลังจับตาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
"แม้ราคาผู้บริโภคอ่อนแรงลงในช่วงที่ผ่านมา แต่แนวโน้มที่ BOJ จะสามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ยังคงมีอยู่ อย่างไรก็ตาม ทั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจและราคาผู้บริโภคต่างก็มีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยในต่างประเทศ" นายคุโรดะกล่าวว่า พร้อมกับกล่าวว่า BOJ จะปรับนโบายการเงินหากจำเป็น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ
ราคาน้ำมันทรงตัวในวันนี้
ราคาน้ำมันดิบเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยใกล้ระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน โดยน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 0.14% สู่ระดับ 43.35 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปรับตัวสูงขึ้น 0.07% สู่ระดับ 44.76 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปก เดือน ต.ค. ที่ประกาศล่าสุด แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันดิบล้นตลาด รวมถึงจำนวนหลุมขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง