• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 17 พฤศจิกายน 2559

    17 พฤศจิกายน 2559 | Economic News

5 สิ่งที่ต้องจับตาในถ้อยแถลงของนางเจเนต เยลเลน ประธานเฟด ต่อหน้าคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสคืนนี้

1. สัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. – เพื่อยืนยันถึงถ้อยแถลงของสมาชิกเฟดรายอื่นๆที่ออกมาระบุก่อนหน้านี้ว่า เฟดยังคงต้องการขึ้นดอกเบี้ยภายในเดือน ธ.ค. นี้อยู่

2. มุมมองต่อตลาดการเงินของนางเยลเลน หลังผลการเลือกตั้งพลิกล็อค – คาดนางเยลเลนอาจจะถูกถามคำถามว่า มีความเห็นต่อความผันผวนของตลาดการเงินหลังการเลือกตั้งอย่างไร ทั้งการปรับตัวสูงขึ้นของตลาดหุ้นและผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล รวมถึงการคาดการณ์นโยบายเศรษฐกิจของนายทรัมป์

3. TRUMP EFFECT – นางเยลเลนน่าจะถูกถามว่าการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะใช้นโยบายการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการลดภาษี จะมีผลต่อเศรษฐกิจอย่างไร ทั้งนี้ก่อนหน้านี้สมาชิกเฟดมักจะส่งสัญญาณมาโดยตลอดว่าต้องการให้รัฐบาลช่วยหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจมากขึ้น

4. ความเป็นอิสระของเฟด – เฟดนั้นน่าจะต้องเผชิญกับแรงกดดันทางการเมืองเป็นอย่างยิ่ง ในปีหน้า ภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งก่อนหน้านี้แสดงถึงความไม่พอใจเฟดอย่างชัดเจน นางเยลเลน หากต้องตอบโต้ประเด็นดังกล่าวน่าจะพูดว่าการแทรกแซงทางการเมืองจะส่งผลให้เฟดขาดความเป็นอิสระ ซึ่งจะส่งผลที่ร้ายแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

5. อัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น – พรรครีพับลิกันนั้นได้ประณามเฟดมาหลายปีแล้วว่าการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของเฟดนั้นส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับที่เป็นอันตราย (แม้อัตราเงินเฟ้อปัจจุบันจะยังอยู่ในระดับต่ำก็ตาม) และพรรครีพับลิกันอาจนำสรุปการประชุมเฟดประจำเดือน พ.ย. ที่ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นบ้างและนักลงทุนบางส่วนคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อในอนาคตจะปรับตัวสูงขึ้น ดังนั้น นางเยลเลนอาจจะมีการให้มุมมองว่ามีความเห็นต่ออัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันอย่างไร



ประธานคณะกรรมธิการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐ ระบุ ต้องการปฏิรูปเฟด

นายเจ็บ เฮนซาร์ลิง (Jeb Hensarling) ประธานคณะกรรมธิการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐ (House Financial Services Committee) สังกัดพรรครีพับลิกัน ระบุเมื่อวานนี้ว่า เขาจะผลักดันการปฏิรูปเฟดให้ต้องรับผิดชอบในการกระทำของตนเองมากขึ้น และจะให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นลำดับแรก โดยคาดว่าเรื่องดังกล่าวจะสามารถผ่านสภาผู้แทนราษฏรได้ภายในปี 2017 อย่างไรก็ดี ยังมีความไม่แน่นอนในที่ประชุมวุฒิสภาที่แม้พรรครีพับลิกันจะเป็นเสียงส่วนใหญ่ แต่พรรคเดโมแครตเองก็มีอิทธิพลในการให้ผ่านเรื่องดังกล่าวเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้นายเจ็บยังคาดหวังว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้ามาช่วยสนับสนุนสิ่งที่เขาผลักดันมาก่อนคือการแก้กฎหมายดอดด์-แฟรงค์ ให้มีความผ่อนคลายมากขึ้น

ทั้งนี้กฎหมายดอดด์-แฟรงค์ (Dodd-Frank Wall Street Reform and Consumer Protection Act) เป็นกฎหมายที่เพิ่มความเข้มงวดในการทำธุรกรรมการเงินทั้งการปล่อยสินเชื่อ การเปิดเผยข้อมูลกองทุนเฮดจ์ฟันด์ การลงทุนของกลุ่มสถาบันการเงิน ไปจนถึงการทำธุรกรรมอนุพันธ์ ซึ่งผ่านมาในสมัยรัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เพื่อใช้ในการกู้วิกฤตการณ์ทางการเงิน




ผู้ว่าบีโอเจไม่เห็นด้วยหากเพิ่มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น

นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการบีโอเจ ระบุว่า เขาไม่เห็นด้วยหากจะปรับขึ้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรญี่ปุ่น เพียงเพราะว่าอัตราพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น โดยเขาระบุต่อว่าหากจะปรับเพิ่มหรือปรับลดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ทั้งนี้จะต้องขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจญี่ปุ่น



ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในวันนี้

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง โดยน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 0.22% สู่ระดับ 45.47 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลง 0.24% สู่ระดับ 46.52 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด








บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com