ถ้อยแถลงประธานเฟดในวันศุกร์ที่ผ่านมา
ในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมามีถ้อยแถลงของสมาชิกเฟดทั้งสิ้น 5 ราย โดยมี 3 รายได้แก่นายเจมส์ บูลลาร์ด, นางเอสเธอร์ จอร์จ และนายโรเบิร์ต แคปแลน กล่าวหนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือน ธ.ค. นี้ ขณะที่อีก 2 ราย ได้แก่ นายวิลเลี่ยม ดัดเลย์ และนายเจโรม โพเวลล์ ไม่ได้ให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าว
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ (มีสิทธิออกเสียง) ระบุว่า ตัวเขานั้นหนุนให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. นี้ และหัวข้อในการถกเถียงกันในช่วงนี้เริ่มเปลี่ยนไปเป็นหัวข้อ “เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเท่าไหร่ในปี 2017” หรือ “นโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลต่อการเติบโต, การผลิต และนโยบายของเฟดอย่างไร”
นางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัส (มีสิทธิออกเสียง) กล่าวเตือนว่าผลกระทบจากการที่เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไปนั้นจะส่งผลดีในระยะสั้น แต่จะส่งผลร้ายในระยะยาว ดังนั้นเฟดควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดสาขาดัลลัส (ไม่มีสิทธิออกเสียง) ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐนั้นอยู่ในจุดที่เหมาะสมที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นายวิลเลี่ยม ดัดเลย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก (มีสิทธิออกเสียง) ระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่านโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะออกมาเป็นอย่างไร และเฟดจะดำเนินนโยบายตามสิ่งที่เป็น ไม่ใช่สิ่งที่คาดว่าจะเป็นซึ่งมีความไม่แน่นอนเป็นอย่างยิ่ง
นายเจโรม โพเวลล์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด (มีสิทธิออกเสียง) ระบุว่า เศรษฐกิจเอเชียจำเป็นที่จะต้องหันไปพึ่งพาการบริโภคภายในประเทศมากขึ้นเนื่องจากการชะลอตัวลงของการค้าโลกได้กดดันเศรษฐกิจของประเทศพึ่งพาการส่งออกเป็นสำคัญ นอกจากนี้ยังมีการกีดกันทางการค้าบางส่วนที่จำเป็นต้องยกเลิก เนื่องจากทำให้การค้าโลกชะลอตัวลง
น้ำมันดิบ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 45.69 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยตลาดน้ำมันได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มโอเปกจะสามารถดำเนินการตามข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมัน ในการประชุมวันที่ 30 พ.ย.นี้ ซึ่งทั้ง รมว.พลังงานของซาอุดิอาระเบีย และ รมว.พลังงานรัสเซีย ระบุว่า มีความเชื่อมั่นว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะสามารถบรรลุข้อตกลงการตรึงกำลังการผลิตกันได้