แผ่นดินไหวระดับ 7.3 ที่ญี่ปุ่น
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (เจเอ็มเอ) รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.59 น. วันอังคาร ตามเวลาประเทศไทย เกิดแผ่นดินไหวความรุนแรงระดับ 7.3 นอกชายฝั่งทางตะวันออกของเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น ห่างจากเมืองนามิเอ ในจังหวัดฟูกูชิมา ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 61 กม. และทางการประกาศเตือนภัยสึนามิขนาดสูงสุด 3 เมตร ที่จ.ฟูกูชิมาและมิยางิ โดยมีรายงานคลื่นสูง 1 ม. และ 1.4 ม. เคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งฟูกูชิมาและเซนไดแล้ว ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
สำนักข่าว CNN รายงานว่า บริเวณที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวเป็นบริเวณเดียวกันกับที่เกิดแผ่นดินไหวระดับ 9.0 ในปี 2011 ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 2 หมื่นคนและทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะได้รับความเสียหายและปล่อยกัมมันตรังสีออกมา
เมื่อเวลา 8.00น. ตามเวลาประเทศไทย สำนักข่าว The Guardian รายงานว่า นายโยชิฮิเดะ ซูกะ เลขาธิการประจำคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่นได้ออกมาระบุว่า“ประชาชนโปรดอพยพต่อไป และติดตามประกาศอย่างใกล้ชิด”
ถ้อยแถลงรองประธานเฟด
นายสแตนลี่ ฟิชเชอร์ รองประธานเฟด (มีสิทธิออกเสียง) ระบุเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าใกล้เป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อของเฟด โดยเศรษฐกิจกำลังปรับตัวค่อนข้างดี และค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นในระยะหลังนั้นไม่กระทบต่อการดำเนินนโยบายของเฟด นอกจากนี้ยังระบุว่านโยบายการคลังนั้นสามารถช่วยหนุนเศรษฐกิจ โดยสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและมาตรฐานการใช้ชีวิตได้
น้ำมันดิบ
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์เนื่องจากอิรักและอิหร่านส่งสัญญาณเข้าร่วมแผนการตรึงกำลังการผลิตกับกลุ่ม OPEC โดยราคาน้ำมันดิบ BRENT ปรับตัวสูงขึ้น 4.4% สู่ระดับ 48.90 เหรียญ/บาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่ 28 ต.ค.
เมื่อวานนี้รัฐมนตรีน้ำมันของอิหร่าน ได้ระบุว่า มีความเป็นไปได้มากที่โอเปคจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ ส่วนรัฐมนตรีน้ำมันของอิรักได้เสนอแผนที่เป็นไปตามแผนการตรึงการผลิตให้กลุ่มโอเปคพิจารณา