• สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคค่ำ) ประจำวันที่ 23 พฤศจิกายน 2559

    23 พฤศจิกายน 2559 | Economic News

เฟดจะเผยสรุปการประชุมประจำเดือน พ.ย. ในค่ำคืนนี้

ภาพในบรรทัด 1

ในรายงานเดิมของการประชุมเดือน พ.ย. เฟดระบุว่า เงื่อนไขของเฟดในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยกำลังแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกำลังรอหลักฐานอีก “บางส่วน” เพื่อยืนยันว่าเศรษฐกิจกำลังดำเนินไปสู่เป้าหมายของเฟด

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า สรุปการประชุมที่กำลังจะเผยออกมาค่ำคืนนี้อาจจะไม่ส่งสัญญาณต้องการขึ้นดอกเบี้ยมากเท่ากับความตั้งใจของเฟดในขณะนี้ เนื่องจากหลังประชุมเฟดในวันที่ 1-2 พ.ย. ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐต่างออกมาสดใสทั้งค่าแรง,การใช้จ่ายภาคครัวเรือน และอัตราเงินเฟ้อที่ออกมาดีขึ้น รวมถึงอัตราการว่างงานที่ลดลง



เงินทุนไหลออกจากกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชียแล้วกว่า 1 หมื่นล้านเหรียญ

กองทุนต่างๆทั่วโลกได้ขายหุ้นและตราสารหนี้ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ของเอเชียไปแล้วกว่า 1.1 หมื่นล้านเหรียญ หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ สามารถเอาชนะการเลือกตั้งขึ้นมาได้ ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่านโยบายเศรษฐกิจของนายทรัมป์ที่ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น


ภาพในบรรทัด 2

ในระหว่างวันที่ 9 – 18 พ.ย. ประเทศที่เผชิญกับกระแสเงินทุนไหลออกมาที่สุดคืออินเดีย รองลงมาคือไทย ส่งผลให้ภาพรวมตลอดทั้งปีเงินทุนที่ไหลเข้าตลาดเอเชียเหลือ 5.5 หมื่นล้านเหรียญ


ภาพในบรรทัด 3


เทรดเดอร์จาก Mizuho Bank ระบุว่า กระแสเงินทุนไหลออกในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่น่าจะยังคงดำเนินต่อไปอีกซักระยะ ถัดจากนี้สิ่งที่นักลงทุนจะพิจารณาต่อไปคือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะดำเนินนโยบายตามที่เขาได้หาเสียงไว้หรือไม่ อาทิ การใช้นโยบายการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และนโยบายการค้าที่มองผลประโยชน์ของสหรัฐเป็นหลัก ซึ่งนโยบายต่างๆทั้งหลายเหล่านี้ต่างช่วยหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและกดดันกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ลง ก่อนหน้านี้ นายทรัมป์ ระบุว่า เขาจะให้อเมริกาถอยตัวจากข้อตกลง TPP ตั้งแต่วันแรกที่เขาขึ้นดำรงตำแหน่ง และให้คำมั่นว่าจะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศด้วยงบประมาณ 1 ล้านล้านเหรียญ

ปีนี้กองทุน HEDGE FUND เหมือนจะทำผลงานได้ไม่ดีนัก

ปีนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นปีที่แย่อีกปีหนึ่งของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ โดย Goldman Sachs รายงานว่า ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในปีนี้อยู่ที่ระดับ 4% ขณะที่ดัชนี S&P500 สามารถปรับตัวสูงขึ้นได้ถึง 9% โดยในปีนี้นับเป็นปีที่ 8 นับตั้งแต่ปี 2008 ที่กองทุนเฮดจ์ฟันด์นั้นทำผลตอบแทนได้น่าผิดหวัง

ภาพในบรรทัด 4

ก่อนหน้านี้ในไตรมาสที่ 3 กองทุนเฮดจ์ฟันด์สามารถเอาชนะตลาดได้อย่างไรก็ดีในไตรมาสที่ 4 กลับทำได้ไม่ดีนัก เหตุผลคือกองทุนเฮดจ์ฟันด์นั้นถือครองหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศไว้ในพอร์ตมากถึง 24% มากที่สุดในรอบกว่าทศวรรษ โดยไตรมาสที่ 3 หุ้นกลุ่มดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้นถึง 13% แต่ในไตรมาสที่ 4 กลับทำได้ไม่ดีนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการเลือกตั้ง

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีให้ผลตอบแทนน้อยกว่า 1% หลังวันที่ 8 พ.ย. ขณะที่ดัชนี S&P500 ให้ผลตอบแทนถึง 3% เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่านโยบายผู้อพยพและนโยบายการค้าจะส่งผลให้ผลกำไรของบริษัทเทคโนโลยีลดลง




ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในวันนี้

ราคาน้ำมับดิบปรับตัวลดลงในตลาดเอเชีย เนื่องจากข้อสงสัยที่ว่ากลุ่มโอเปกจะสามารถบรรลุข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบในการประชุมสัปดาห์ได้หรือไม่ โดยน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 0.29% สู่ระดับ 47.89 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลง 0.31% สู่ระดับ 48.97 เหรียญ/บาร์เรล

บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด
40,42,44 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์เขตพระนคร กรุงเทพ 10200
โทรศัพท์ 0 2770 7777 โทรสาร 0 2623 9366 E-mail: support@mtsgoldgroup.com