ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวานนี้โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์จากแรงเทขายทำกำไร และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาวที่ปรับตัวลดลง
นักวิเคราะห์จาก ANZ ระบุว่า ณ ขณะนี้ตลาดการเงินกำลังมองหาปัจจัยใหม่ๆ แม้ว่าปัจจัยทางการเมืองจะยังคงเป็นปัจจัยหลักที่คอยชี้นำตลาดอยู่ก็ตาม
ขณะนี้ดัชนีดอลลาร์ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 101.22 จุด ลดลงจากระดับสูงสุดที่ 102.05 จุด ส่วนผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีอยู่ที่ระดับ 2.312% ลดลงจากระดับสูงสุดที่ 2.417%
นักวิเคราะห์จาก KITCO ระบุว่า เมื่อวานนี้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นจากแรงหนุนของการเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวในตลาด Spot และการทำShort Covering ในตลาด Futures อย่างไรก็ดีภาพรวมยังอยู่ในทิศทางขาลงทางเทคนิคในระยะสั้น โดยมีปัจจัยหนุนคือการที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงบ้าง
สำนักข่าว KITCO รายงานว่า นักวิเคราะห์บางส่วนเชื่อว่าการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญของอิตาลีในวันอาทิตย์นี้จะช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นได้ โดยนักวิเคราะห์จาก Saxo Bank เชื่อว่าการทำประชามติดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความไม่แน่นอนทางการเมืองระหว่างประเทศและช่วยหนุนราคาทองคำได้ ส่วนนักวิเคราะห์จาก iiTrader ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวช่วยเพิ่มแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
โพลล์การทำประชามติล่าสุด ฝั่ง “No” มีคะแนนนำฝั่ง “Yes” อยู่ที่ 41% ต่อ 34% และหากผลออกมาเป็น No จริงๆ นายมัตเตโอ เรนซี่ นายกรัฐมนตรีของประเทศอิตาลีประกาศว่าจะลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งอาจจะส่งผลให้พรรค Five Star Movement ซึ่งเป็นพรรคใหญ่ที่หนุนให้อิตาลีออกจากสหภาพยูโรขึ้นมามีอำนาจในการเมืองอิตาลีมากขึ้น
นักวิเคราะห์จาก Commerzbank ระบุว่า Premium ของทองคำในตลาด Shanghai Gold Exchange ของจีน ได้ปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบหลายปี เนื่องจากรัฐบาลจีนพยายามที่จะจำกัดและลดปริมาณใบอนุญาตการนำเข้าทองคำแก่ผู้ประกอบการในประเทศ ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าจีนจะขาดแคลนอุปทานทองคำและทำให้ Premium ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 28 เหรียญ และคาดว่า Premium จะอยู่ในระดับสูงไปอีกซักระยะ เนื่องจากเหล่าผู้ค้าและผู้ผลิตเครื่องประดับต้องการทองคำเป็นจำนวนมากเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับเทศกาลตรุษจีนในช่วงปลายเดือน ม.ค.
กองทุน SPDR หยุดขายทองคำออกมาเมื่อวานนี้ ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 885.04 ตัน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ขายทองคำออกมาติดต่อกันถึง 11 วันทำการ รวมแล้วกว่า 69.99 ตัน