ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยดัชนีดอลลาร์ทรงตัวระดับ 101.51 จุด หลังจากที่ปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้บริเวณ 100.84 จุด
ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนครึ่งที่ระดับ 114.83 เยน/ดอลลาร์โดยเมื่อคืนนี้ปรับตัวขึ้นกว่า 1.8% จากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบหลังโอเปคบรรลุข้อตกลงการตรึงกำลังการผลิตน้ำมัน จึงช่วยหนุนคาดการณ์เงินเฟ้อและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรว่าจะปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ค่าเงินยูโรทรงตัวบริเวณ 1.0596 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ปรับตัวลง 0.6% ในวันก่อนหน้า
ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯส่วนใหญ่ออกมาดีขึ้น นำโดยข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนประจำเดือนพฤศจิกายนที่ปรับตัวขึ้นเกินคาดที่ระดับ 216,000 ตำแหน่ง และปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 97,000 ตำแหน่ง ขณะที่ดัชนีภาคการผลิต (PMI) ประจำเขตชิคาโกออกมาดีขึ้นเกินคาดเช่นกันแตะระดับ 57.6 จากเดิมที่ระดับ 50.6
รอยเตอร์สระบุว่า ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้นในเดือนเดือนพฤศจิกายนและการใช้จ่ายของกลุ่มผู้บริโภคภาพรวมมีการขยายตัวขึ้น จึงเป็นตัวบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ และอาจส่งผลให้เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
อย่างไรก็ดี ข้อมูลการใช้จ่ายรายบุคคลในเดือนพฤศจิกายนกลับลดลงเกินคาดที่ระดับ 0.3% ขณะที่เดือนก่อนหน้านั้นปรับทบทวนขึ้นมาที่ระดับ 0.7% และสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายออกมาลดลงที่ระดับ 0.1% จากระดับ 1.4%
เมื่อคืนนี้ นายโดนัล ทรัมป์ ประกาศทางทวิตเตอร์ว่า เขาจะส่งต่ออำนาจการควบคุมกิจการของเขาทั้งหมดให้แก่บรรดาลูกและที่ปรึกษาของเขาในช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นปฏิกิริยาที่ชัดเจน หลังจากมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เพิ่มขึ้นในส่วนได้ส่วนเสียที่เขาอาจได้รับ จากการที่เขาจะเริ่มมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯในวันที่ 20 ม.ค. 2560
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นกว่า 10% โดยมีระดับการซื้อขายสูงกว่า 50 เหรียญ/บาร์เรล และสามารถไปทำจุดสูงสุดในรอบเดือน หลังจากที่บรรดาสมาชิกกลุ่มโอเปกบรรลุข้อตกลการผลิตน้ำมันเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี นับตั้งแต่ปี 2008 โดยจะมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคมปี 2017 จึงช่วยหนุนให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด +9.6% ที่ระดับ 49.44 เหรียญ/บาร์เรล โดยในช่วงต้นตลาดปรับตัวขึ้นได้กว่า 10% ซึ่งเป็นระดับที่มีการเคลื่อนไหวรายวันมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
ด้านสัญญาน้ำมันดิบ Brent เดือนมกราคมที่หมดอายุการซื้อขายเมื่อคืนนี้สามารถปิด +8.82% ที่ระดับ 50.47 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ปิด +8.9% ที่ระดับ 51.51 เหรียญ/บาร์เรล
กลุ่มโอเปกบรรลุข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตที่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน หรือเกือบ 3% ที่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน และอาจปรับลดกำลังการผลิตจากระดับปัจจุบัน 33.64 ล้านบาร์เรล/วัน โดยจะมีผลในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้
ซาอุดิอาระเบียอาจลดกำลังการผลิตลดเกือบ 500,000 บาร์เรล/วัน ที่ระดับ 10.06 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่อิรักจะปรับลดกำลังการผลิตที่ระดับ 200,000 ล้านบาร์เรล/วัน ที่ระดับ 4.351 ล้านบาร์เรล/วัน จากกำลังการผลิตที่มากกว่า 10 ล้านบาร์เรล/วันด้านประเทศนอกกลุ่มโอเปกอย่างรัสเซีย ก็เตรียมปรับลดกำลังการผลิตลง 300,000 บาร์เรล/วัน
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางส่วน ระบุว่า แม้ราคาน้ำมันดิบในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาจะปรับตัวสูงขึ้นได้เกือบ 5% แต่การปรับตัวขึ้นตอบสนองต่อข้อตกลงอย่างรวดเร็วก็อาจเป็นเพียงการฟื้นตัวในระยะสั้นๆเท่านั้น