ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงตามภาพทางเทคนิค โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลดลงไปกว่า 0.5% เช้านี้อยู่ที่ระดับ 101.04
ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ในเช้าวันนี้ ท่ามกลางกลุ่มนักลงทุนที่ระมัดระวังการซื้อขายก่อนทราบรายงานการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ โดยค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นแตะ 113.99 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่อ่อนค่าขึ้นไปใกล้จุดสูงสุดในรอบ 10 เดือนบริเวณ 114.83 เยน/ดอลลาร์
ขณะที่ค่าเงินยูโรเมื่อคืนนี้ปรับตัวขึ้น 0.7% หลังสำนักข่าวรอยเตอร์ส มีรายงานว่า อีซีบีจะขยายโครงการเข้าซื้อพันธบัตรในเดือนมีนาคมปีหน้า และพิจารณาที่จะส่งสัญญาณอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้าว่าโปรแกรมการเข้าซื้อสินทรัพย์ โดยค่าเงินยูโรยังคงทรงตัวแถวระดับ 1.0659 ดอลลาร์/ยูโร
ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ พบว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวสูงขึ้นเกินคาดและถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยข้อมูลล่าสุดมีผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้น 17,000 ราย สู่ระดับ 268,000 รายในสัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 300,000 รายติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 91 ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1970
ด้านสถาบันจัดการด้านอุปทาน หรือ ISM เผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตประจำเดือนพฤศจิกายนออกมาดีขึ้นเกินคาดแตะระดับ 53.2 ซึ่งถือว่าภาคกิจกรรมอุตสาหกรรมสหรัฐฯขยายตัวอย่างรวดเร็วทำจุดสูงสุดในรอบ 5 เดือน ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของยอดคำสั่งซื้อใหม่และการผลิต จึงบ่งชี้ว่าภาคการผลิตกลับมาขยายตัวขึ้นหลังจากที่ชะลอตัวมาเป็นเวลานาน
น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับตัวขึ้น 3.3% ที่ระดับ 51.06 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่ช่วงต้นปรับตัวขึ้นแตะ 51.8 เหรียญ/บาร์เรล เป็นการทดสอบจุดสูงสุดของปีนี้ที่ระดับ 51.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ภาพรวมวันพุธที่ผ่านมา สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นกว่า 9.3%
ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิดปรับตัวขึ้น 4.1% ที่ระดับ 53.97 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่ขึ้นไปแตะระดับ 53.97 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 16 เดือน นับตั้งแต่ 27 กรกฎาคม ปี 2015
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องหลังจากที่กลุ่มโอเปกและรัสเซียบรรลุข้อตกลงร่วมกันในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อลดภาวะอุปทานทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว