วันนี้ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่งช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ด้านค่าเงินยูโรทรงตัวเนื่องจากเหล่านักลงทุนตัดสินใจที่จะเทขายทำกำไรหลังจากที่การลงประชามติของอิตาลีที่เลือกโหวต “NO” เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ดัชนี MSCI's Asia-Pacific ex Japan ปรับตัวสูงขึ้น 0.7% ทำจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย.
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นรีบาวน์ โดยดัชนี Nikkei225 ปรับตัวสูงขึ้น 0.5% สู่ระดับ 18,360.54 จุด เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาอย่างแข็งแกร่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในสหภาพยุโรปหลังจากที่นายกรัฐมนตรีอิตาลีลาออกจากตำแหน่ง
ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลง โดยดัชนี Shanghai Composite ปรับตัวลดลง 0.2% สู่ระดับ 3,199.65 จุด เนื่องจากแรงเทขายทำกำไรของนักลงทุน อย่างไรก็ดี ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากรายงานของมาร์กิตซึ่งจัดทำร่วมกับไฉซินที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีน อยู่ที่ระดับ 53.1 ในเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 52.4 ในเดือนต.ค. และยังทำสถิติสูงสุดในรอบ 16 เดือน
ตลาดหุ้นฮ่องกงปรับตัวสูงขึ้น โดยดัชนี Hang Seng ปรับตัวสูงขึ้น 0.8% สู่ระดับ 22,675.15 จุด หลังจากปรับตัวลดลงในช่วงก่อนหน้าจากการลงประชามติของอิตาลีที่โหวต "NO" เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ประธานกรรมการหอการค้าไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร.วันนี้ มีความเห็นว่าแม้เศรษฐกิจไทยในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2559 อาจจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ จนทำให้ในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับในช่วงครึ่งปีแรก อย่างไรก็ตาม ด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และเป็นช่วงฤดูกาลของการส่งมอบสินค้าตามคำสั่งซื้อสำหรับเทศกาลปลายปี จึงคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2559 จะขยายตัวในกรอบ 3.3 -3.5%