เมื่อคืนนี้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นจากระดับต่ำสุดรอบ 10 เดือนในสัปดาห์นี้ จากแรง Short Covering บางส่วน ประกอบกับการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรก่อนทราบผลการประชุมอีซีบี ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Business News ประเมินว่า มุมมองการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในสัปดาห์หน้าได้ส่งผลกระทบกับราคาทองคำไปแล้ว
โดยเมื่อวานนี้ราคาทองคำปิดปรับตัวขึ้น 7.4 เหรียญ หรือคิดเป็น 0.63% ที่ระดับ 1,177.5 เหรียญ
กองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ทำการเทขายทองคำออกอีก 6.23 ตัน ปัจจุบันเหลือการถือครองทองคำที่ระดับ 863.67 ตัน ซึ่งภาพรวมเดือนธันวาคม ณ ขณะนี้ ถือเป็นระดับรายเดือนที่ SPDR ทำการขายต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยตั้งแต่เริ่มเดือนธันวาคมจนถึงปัจจุบัน SPDR ขายออกแล้วทั้งสิ้น 20.19 ตัน
ทั้งนี้ ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ถือได้ว่าราคาทองคำปรับตัวลดลง 8% ซึ่งถือเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 3 ปี ขณะที่ในเดือนธันวาคมราคาทองคำยังคงปรับตัวลงต่อ จากความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ประกอบกับความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น และการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ ขณะเดียวกันปริมาณความต้องการทองคำในจีนและอินเดียที่ลดน้อยลง ทั้งหมดจึงถือเป็นปัจจัยที่กดดันราคาทองคำ
รายงานจาก Bank of America Merrill Lynch (BoAML) ระบุว่า การแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้นจะเป็น 2 ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนราคาทองคำในปีหน้า และคาดว่าในช่วงกลางปี 2017 ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวแถวระดับ 1,200 เหรียญ โดยมีภาวะ Upside จำกัดในระยะสั้น
นอกจากนี้ ในปี 2017 อาจเข้าสู่การใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และการคุมเข้มทางการเงิน ซึ่งความผสมผสานดังกล่าว อาจส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยแท้จริงปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่เงินเฟ้ออาจไม่สามารถปรับขึ้นได้มากนัก