ค่าเงินยูโรทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ จากกลุ่มนักลงทุนที่รอคอยการประชุมของอีซีบีในวันนี้ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ นอกจากนี้ค่าเงินยูโรยังคงให้ความสำคัญกับการที่นายกรัฐมนตรีอิตาลีจะทำการลาออกหลังการลงประชามติออกมาโหวต “No”
ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงมาเล็กน้อยแถวระดับ 1.0769 ดอลลาร์/ยูโร หลังจากที่ขึ้นไปทำจุดสูงสุดเมื่อวันจันทร์บริเวณ 1.0797 ดอลลาร์/ยูโร ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน ด้านดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ โดยทรงตัวบริเวณ 100.09 ในเช้านี้ หลังเมื่อวานนี้ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ 100.6
อย่างไรก็ดี ผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จากรอยเตอร์ส ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า อีซีบีจะประกาศขยายช่วงเวลาโปรแกรม QE ออกไปอีก 6 เดือน และยังคงระดับการเข้าซื้อพันธบัตรไว้ที่ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน
ขณะที่นักวิเคราะห์จาก ABN Amro คาดการณ์ว่า ECB จะขยายเวลาการจำหน่ายสินทรัพย์ออกไปจนถึงเดือนกันยายน 2017 โดยยังคงขนาดการเข้าซื้อสินทรัพย์ไว้เท่าเดิม รวมทั้งปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและทำการซื้อพันธบัตรที่มีอายุครบกำหนดต่ำกว่า 2 ปี
ด้านโปรแกรม FedWatch ของ CME Group ระบุว่า ความเป็นไปได้ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากระดับ 0.5% สู่ระดับ 0.75% เป็นอย่างน้อย มีโอกาส 95% ที่จะเกิดขึ้นทั้งในการประชุมเดือนนี้และเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า
เมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลการเปิดรับสมัครตำแหน่งงานใหม่ประจำเดือนพฤศจิกายนออกมาดีขึ้นตามคาดที่ระดับ 5.53 ล้านตำแหน่ง ขณะที่เดือนก่อนหน้ามีการปรับทบทวนข้อมูลการเปิดรับตำแหน่งงานใหม่ที่ระดับ 5.63 ล้านตำแหน่ง
สำนักรัฐมนตรีญี่ปุ่น เผยว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นเมื่อเทียบรายปีในช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน ขยายตัวได้ 1.3% โดยปรับลดลงจากประมาณการณ์ก่อนหน้าที่ระดับ 2.2% ขณะที่เมื่อเทียบรายไตรมาสจะพบว่าขยายตัวได้ 0.3% โดยลดลงจากประมาณการณ์ก่อนหน้าที่ระดับ 0.5% และค่ากลางที่ระดับ 0.6%
ทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนปรับตัวลง 6.906 หมื่นล้านเหรียญ แตะระดับ 3.052 ล้านล้านเหรียญฯในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งถือเป็นการปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 และเป็นการปรับตัวลดลงเกินคาดแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีนาคมปี 2011 ซึ่งกลุ่มผู้กำหนดนโยบายพยายามที่จะพยุงการปรับตกของค่าเงินหยวนที่กำลังเผชิญกับการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง
Thai
Eng