ผลการประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐฯออกมาดีขึ้นที่ระดับ 258,000 ราย โดยปรับลดลงจำนวน 10,000 ราย เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งข้อมูลล่าสุดยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 300,000 รายต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 92 หรือยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1972 จึงยังบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน
ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินเยนและค่าเงินยูโร โดยดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเกือบ 1% แถวระดับ 101.10 จุด ขณะที่ภาพรวมรายสัปดาห์แข็งค่าขึ้นราว 0.3%
ทั้งนี้ ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าหลังจากที่อีซีบีตัดสินใจเข้าซื้อพันธบัตรต่อเนื่องและมีการปรับลดวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ โดยค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงมาแถวระดับ 1.0616 ดอลลาร์/ยูโร โดยปรับตัวลดลง 1.3% หลังจากขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือนเมื่อวานนี้ที่ระดับ 1.0875 ดอลลาร์/ยูโร โดยเป็นระดับการอ่อนค่ารายวันมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิถุนายน ด้านค่าเงินเยนอ่อนค่าขึ้นบริเวณ 114.07 เยน/ดอลลาร์ หลังจากลงไปทำจุดต่ำสุดบริเวณ 113.12 เยน/ดอลลาร์วานนี้
อีซีบี ประกาศ คงอัตราดอกเบี้ยและนโยบายการเข้าซื้อสินทรัพย์ต่อไป แม้ว่าจะมีการปรับลดวงเงินในการเข้าซื้อสินทรัพย์ ซึ่งจะมีผลในเดือนเมษายนปีหน้า
โดยวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน (8.6 หมื่นล้านเหรียญฯ) โดยจะสิ้นสุดการเข้าซื้อสินทรัพย์ด้วยวงเงินดังกล่าวในเดือนมีนาคมปี 2017
ทั้งนี้ อีซีบีจะขยายเวลาการเข้าซื้อสินทรัพย์ออกไปอีก 9 เดือน จนถึงเดือนธันวาคมปี 2017 โดยลดวงเงินการเข้าซื้อที่ระดับ 6หมื่นล้านยูโร/เดือน ซึ่งจะมีผลในช่วงเดือนเมษายนปีหน้าเป็นต้นไป
ขณะที่อัตราผลตอบแทนอายุระหว่าง 1 – 2 ปี จะเป็นส่วนประกอบในการเข้าซื้อพันธบัตรรายเดือนอยู่ และอีซีบีอาจตัดสินใจเข้าซื้ออัตราผลตอบแทนที่อายุน้อยกว่า รวมทั้งปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำกว่า -0.4% ได้หากจำเป็น
ขณะที่แนวโน้มเงินเฟ้อของยูโรโซน อีซีบียังคงคาดการณ์ที่ระดับ 0.2% ในปีนี้ ขณะที่ปีหน้าคาดขยายตัวได้ 1.3% และในปี2018 นั้นคาดเงินเฟ้อจะอ่อนตัวลง
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนกำลังชะลอตัวลงหลังอังกฤษตัดสินใจออกจากอียู ขณะที่สภาพเศรษฐกิจของเยอรมนีที่ประสบภาวะชะงักงันเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าการขยายตัวดังกล่าวอาจกลับมาปรับตัวสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็วอีกครั้ง
เมื่อวานนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด +2.2% ที่ระดับ 50.84 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด +1.8% ที่ระดับ 53.94 เหรียญ/บาร์เรล โดยราคาน้ำมันรีบาวน์กลับมาปิดเหนือระดับ 50 เหรียญ/บาร์เรลอีกครั้ง จากกลุ่มนักลงทุนในตลาดที่เฝ้าจับตาการประชุมระหว่างกลุ่มโอเปก และกลุ่มนอกโอเปกที่อาจมีความคืบหน้าเกี่ยวกับข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิต
รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า กลุ่มโอเปกจะจัดการประชุมกับประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกโอเปก เพื่อสรุปผลข้อตกลงการจำกัดการผลิตน้ำมันในวันที่ 10 ธันวาคมนี้ ณ กรุงเวียนนา ซึ่งกลุ่มโอเปก คาดหวังว่า กลุ่มประเทศผู้ผลิตนอกโอเปกจะให้ความร่วมมือลดปริมาณการผลิตลงอีก 600,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งทางรัสเซียได้ระบุว่าจะร่วมลดการกำลังผลิตน้ำมันลงประมาณ 300,000 บาร์เรล/วัน