นักลงทุนกำลังจับตามองผลการประชุมเฟดที่กำลังจะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ และการคุมเข้มนโยบายทางการเงินจากธนาคารกลางจีนซึ่งเกิดขึ้นจากแรงกดดันของภาวะเงินเฟ้อ ทั้งนี้ตลาดหุ้นได้คาดการณ์ว่าเฟดจะทำการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแน่นอน และมีโอกาส 2 ใน 3 ที่จะคุมเข้มนโยบายทางการเงินอีกครั้งในเดือนมิถุนายน อย่างไรก็ตามหน่วยงานกำกับดูแลประเทศจีนกำลังผลักดันอัตราเงินในตลาด และจำกัดการเข้าซื้อหุ้นและพันธบัตรรัฐบาล
ธนาคารกลางญี่ปุ่น มีแนวโน้มจะเผยภาพรวมของเศรษฐกิจไปในทิศทางที่ดีภายในสัปดาห์หน้า โดยแหล่งข่าวระบุว่า จากการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ของอัตราบริโภคของภาคเอกชนได้ช่วยฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจ
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ในเดือนพ.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 16% สู่ระดับ 1.32 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนต.ค.ที่มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งถึง 38%
ยอดขายบ้านเดือนพ.ย.ของจีนทำสถิติขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดในปีนี้ เนื่องจากรัฐบาลได้นำมาตรการควบคุมความร้อนแรงในตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับมาใช้อีกครั้ง ซึ่งส่งผลให้อุปสงค์ในตลาดชะลอตัวลง
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 8 เซนต์ สู่ระดับ 52.75 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลง 4 เซนต์ สู่ระดับ 55.65 เหรียญ/บาร์เรล เนื่องจากเหล่านักลงทุนทำการปิดสถานะเพื่อทำกำไร หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันก่อนหน้า
อย่างไรก็ดี เหล่าเทรดเดอร์ ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบถูกกดดันจากปริมาณความต้องการน้ำมันดิบในตลาดเอเชียที่เพิ่มสูงขึ้นและการลดอุปทานในเมืองอาบูดาบี เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของการลดการผลิตในประเทศกลุ่มโอเปกและกลุ่มนอกโอเปก