MTS Help Center

ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจากแรงเทขายทำกำไรเช่นเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมีมุมมองว่าค่าเงินดอลลาร์ยังคงมีทิศทางแข็งค่า โดยดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลดลงประมาณ -0.07% ที่ระดับ 102.95 จุด หลังจากที่แข็งค่ามากที่สุดในรอบ 14 ปีบริเวณ 103.62 จุด เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี สัปดาห์ที่ผ่านมาค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นได้กว่า 1.2% หลังจากเฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่ผ่านมา พร้อมปรับคาดการณ์จำนวนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2017 จากจำนวน 2 ครั้ง เป็น 3 ครั้ง จึงทำให้ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 8 ในช่วง 11 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะที่ค่าเงินยูโรปรับตัวลดลงหลุดแนวรับสำคัญที่ระดับ 1.0500 ดอลลาร์/ยูโร โดยลงมาทำจุดต่ำสุดบริเวณ 1.0372 ดอลลาร์/ยูโรในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2003 ก่อนที่จะดีดกลับมาแถวระดับ 1.0447 ดอลลาร์/ยูโรในปัจจุบัน

ส่วนของค่าเงินเยนทรงตัวแถวระดับ 117.86 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ขึ้นไปทำระดับอ่อนค่ามากที่สุดบริเวณ 118.26 เยน/ดอลลาร์

ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจภาคที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯประจำเดือนพฤศจิกายนในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา พบว่าออกมาแย่กว่าที่คาดทั้งคู่ นำโดย ยอดการเริ่มต้นสร้างบ้านปรับตัวลง 18.7% แตะระดับ 1.09 ล้านยูนิต โดยปรับตัวลดลง 250,000 ยูนิตเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังจากที่ในเดือนตุลาคมปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบ 9 ปีบริเวณ 1.34 ล้านยูนิต ขณะที่ยอดรอการอนุมัติก่อสร้างออกมาที่ระดับ 1.2 ล้านยูนิต หรือปรับตัวลดลง 60,000 ยูนิตเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า จึงสะท้อนถึงความไม่ต่อเนื่องของการขยายตัวในภาคอสังหาริมทรัพย์ และถือเป็นสัญญาณล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯในไตรมาสที่ 4/2016 ยังคงชะลอตัว

ธนาคารกลางรัสเซีย ประกาศ คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 10% แต่เปิดกว้างสำหรับโอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยช่วงครึ่งปีแรกของปี 2017 ขณะที่อัตราการขยายตัวของดัชนีราคาผู้บริโภคชะลอตัวลงท่ามกลางปัจจัยชั่วคราวที่เข้ามากระทบ ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องอย่างไม่มีเสถียรภาพ

ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด +2% ที่ระดับ 51.90 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด +2.2% ที่ระดับ 55.19 เหรียญ/บาร์เรล โดยน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นและยังปิดใกล้ระดับสูงสุดรอบ 17 เดือน ท่ามกลางกลุ่มผู้ผลิต อาทิ คูเวต, ซาอุดิอาระเบีย และอาบูดาบี ที่ส่งสัญญาณว่าจะปฏิบัติตามข้อตกลงเพื่อลดกำลังการผลิตตามที่มีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม เพื่อสร้างเสถียรภาพให้แก่ตลาด

Goldman Sachs ปรับทบทวนคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในช่วงไตรมาสที่ 2/2017 โดยปรับราคาน้ำมันดิบ WTI สู่ระดับ 57.5 เหรียญ/บาร์เรล จากระดับ 55 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบBrent จะอยู่ที่ระดับ 59 เหรียญ/บาร์เรล จากระดับ 56.5 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่กลุ่มโอเปกและประเทศนอกโอเปกตัดสินใจปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบท่ามกลางอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มผู้บริโภค

รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ภาพรวมการส่งออกของญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนพฤศจิกายน จากการอ่อนค่าอย่างหนักของค่าเงินเยนและการฟื้นตัวของภาวะอุปสงค์จากต่างประเทศจึงช่วยหนุนการขนส่งจากภาคการค้า