BoJ ยังคงรักษามาตรการทางการเงิน พร้อมระบุถึงมุมมองที่ดีต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นในอนาคตและโอกาสปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้
ทั้งนี้ BoJ กล่าวเพิ่มเติมถึงสัญญาณความเชื่อมั่นต่อสภาพเศรษฐกิจที่มีการฟื้นตัวอย่างมั่นคง เพราะได้รับอานิสงค์จากภาคอุปสงค์และภาคอุตสาหกรรมที่เติบโตขึ้นในตลาดเกิดใหม่ของเอเชีย โดยระบุในถ้อยแถลงว่า “เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มการขยายตัวต่อเนื่องในระดับปานกลาง” ท่ามกลางมุมมองต่อภาคการส่งออกและผลผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น
BoJ คงระดับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นสู่ระดับ -0.1% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีที่แถวระดับ 0%
อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินยังคงจับตาไปยังถ้อยแถลงของ นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการ BoJ หลังเสร็จสิ้นการการประชุม เกี่ยวกับการปรับขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตร
ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในวันนี้ โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 15 เซนต์ สู่ระดับ 51.97 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลง 6 เซนต์ สู่ระดับ 54.98 เหรียญ/บาร์เรล ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบางก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลคริสมาสต์ โดยเหล่านักลงทุนเริ่มที่จะลดการถือครองสัญญาน้ำมันดิบ ซึ่งปราศจากกระแสคาดการณ์ใหม่ใดๆจนกว่าจะเริ่มต้นปี 2017
รายงานจาก CNBC ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบแถวระดับ 55 เหรียญ/บาร์เรล จะถือเป็นระดับสำคัญในการฟื้นตัวสำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันดิบและก๊าซ ขณะที่บรรดาบริษัทที่ปรึกษาประสานเสียงกันในทิศทางบวกหลังจากที่ล่าสุดกลุ่มประเทศสมาชิกโอเปกและนอกโอเปกประกาศใช้ข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิต
ซึ่งหากสามารถทำการปรับลดกำลังการผลิตได้จริง ก็จะหนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นอย่างมีเสถียรภาพที่ระดับ 55 เหรียญ/บาร์เรลหรือสูงกว่านั้น โดยอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซจะมีกระแสเงินไหลกลับในปี 2017 และถือเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในภาคพลังงานนับตั้งแต่ที่ปรับตัวลดลงมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนของปี 2014
นักวิเคราะห์บางราย วิเคราะห์ว่า หากราคาน้ำมันอยู่ที่ระดับ 55 เหรียญ/บาร์เรล จะช่วยให้บริษัทน้ำมันขนาดใหญ่เริ่มสร้างผลกำไรกลับได้อีกครั้ง แต่หากราคาปรับตัวลงมาที่ระดับ 50 เหรียญ/บาร์เรลหรือต่ำกว่านั้นในปี 2017 ก็จะส่งผลเชิงลบต่อกลุ่มบริษัทน้ำมันต่างๆ และจะทำให้ต้องกลับไปอยู่สภาพเดิมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา