แม้ว่าราคาทองคำในระยะสั้นจะมีภาวะ Oversold แต่นักวิเคราะห์บางส่วน กล่าวว่า ความเสี่ยงขาลงในตลาดยังมีอยู่ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปีนี้ แต่หากสัปดาห์นี้ทองคำสามารถยืนอยู่เหนือระดับราคาปัจจุบันได้ ก็มีโอกาสที่ราคาทองคำจะปิดระดับที่ดีที่สุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2012
ราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 7 และเป็นการปิดร่วงรายสัปดาห์ที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2004 โดยเคลื่อนไหวแถวระดับ 1,133 เหรียญ และภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมาทองคำปรับตัวลง 0.3%
นักกลยุทธ์อาวุโสจาก Forexlive กล่าวว่า หากราคาทองคำปิดบวกได้ในสิ้นปีนี้ก็อาจจะหนุนทิศทางขาขึ้น แต่ส่วนตัวก็ไม่คิดว่าจะทำได้
อย่างไรก็ดี จากระดับการเคลื่อนไหวในปัจจุบันของทองคำ เรียกได้ว่าทองคำปรับตัวขึ้นมาแล้วเกือบ 7% ในปีนี้ แต่ภาพรวมก็ยังคงปรับตัวลงและได้รับแรงกดดันจากการเทขายในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา พร้อมกันนี้คาดว่าราคาจะปรับตัวได้ในช่วงต้นปี แต่ก็ควรรอจุดเข้าซื้อที่ดีกว่าเพราะราคามีโอกาสปรับตัวลดลงมาเคลื่อนไหวระหว่าง 1,050 – 1,070 เหรียญ จากระดับปัจจุบันแถวระดับ 1,130 เหรียญ
นักวิเคราะห์หลายราย แนะนำให้จับตาที่บริเวณ 1,125 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับสำคัญสุดท้ายหลักของการฟื้นตัวปี 2016 ซึ่งหากทองคำหลุดระดับสำคัญดังกล่าวก็มีโอกาสที่จะร่วงลงกลับสู่ระดับต่ำสุดในปี 2015
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก IG กล่าวว่า เรามีโอกาสเห็นทองคำ Break เหนือ 1,134 เหรียญ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณสิ้นสุดขาลงในระยะสั้น
ด้านนักกลยุทธ์จาก Scotiabank กล่าวว่า เราอาจเห็นทองคำกลับขึ้นเหนือ 1,173.5 เหรียญ ก่อนจะกลับสู่ภาวะขาลงอีกครั้ง
ผู้บริหาร RSBL กล่าวว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา กองทุน SPDR ได้ทำการเทขายทองคำออกไปแล้วกว่า 175 ตัน เป็นสัญญาณว่าอุปสงค์ในทองคำกำลังได้รับผลกระทบจากนโยบายคุมเข้มทางการเงินของเฟด โดยราคาทองคำถูกคาดการณ์ว่าจะมีการซื้อขายในกรอบล่างระหว่าง 1,050 – 1,300 เหรียญฯ ซึ่งในขณะนี้ยังคงไม่มีเหตุการณ์ใดที่จะหนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวได้
อดีตประธานบริษัท All India Gems and Jewellery Trade Federation ซึ่งมีความเห็นไปในทางเดียวกัน ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลกระทบจากการยกเลิกธนบัตรในประเทศอินเดียเริ่มเห็นได้ชัดขึ้นในส่วนของผู้บริโภคแล้ว เนื่องจากภาพรวมของผลประกอบการภาคอุตสาหกรรมอินเดียในช่วงไตรมาสที่ 4 ลดลงเหลือเพียง 60-70% เมื่อเทียบกับปีก่อน แม้จะเป็นช่วงที่ตลาดจะมีการเคลื่อนไหวมากที่สุดก็ตาม โดยผลกระทบนี้จะชัดเจนยิ่งขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2017
โดยปัจจัยหลักที่กดดันราคาทองคำปรับตัวลงจากระดับ 1,164 เหรียญ มาจากการที่เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปรับทบทวนคาดการณ์จำนวนครั้งในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยปี 2017 ในการประชุมสัปดาห์ที่ผ่านมา
หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Wing Fung Financial Group คาดการณ์ว่า ราคาทองคำมีโอกาสจะกลับขึ้นแถวระดับ 1,150 เหรียญได้ก่อนสิ้นปีนี้ ขณะที่ในระยะกลางจนถึงระยะยาว ทองคำยังมีแนวโน้มที่ไม่สดใสนัก โดยในช่วงต้นปีคาดจะปรับตัวลงมาเคลื่อนไหวระหว่าง 1,050 - 1,080 เหรียญ สอดคล้องกับทิศทางขาลง
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ คาดว่า ความตึงเครียดทางการเมืองและเศรษฐกิจระดับมหัพภาคอาจยังเป็นปัจจัยหนุนราคากลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ในปี 2017
BMO Capital Markets กล่าวว่า ราคาทองคำน่าจะมีค่าเฉลี่ยระหว่าง 1,175 เหรียญ ในอีก 1 ปี โดยปรับลดจากคาดการณ์ก่อนหน้าที่คาดว่าราคาจะยืนเหนือ 1,400 เหรียญ พร้อมกันนี้คาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจระดับมหัพภาคอาจเป็นปัจจัยที่สร้างกลยุทธ์สำหรับราคาทองคำ แต่ก็ต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากมุมมองของตลาดที่กำลังประเมินถึงผลกระทบจากการที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจำนวน 3 ครั้งในปีหน้า
ด้าน Citigroup คาดการณ์ว่าราคาทองคำปีหน้าจะใกล้เคียงกับระดับปัจจุบัน ขณะที่ The Sydney Morning Herald คาดว่าราคาทองคำจะทรงตัวอยู่แถวระดับ 1,160 เหรียญ