ค่าเงินยูโรปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ โดยเช้านี้ปรับขึ้น 0.8 ที่ระดับ 1.0570 ดอลลาร์/ยูโร ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบางในตลาดเอเชีย แต่ภาพรวมค่าเงินยูโรปรับอ่อนค่าในปีนี้ จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า นโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯจะช่วยหนุนเงินเฟ้อและทำให้เฟดสามารถตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ต่อเนื่อง
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เช้านี้อ่อนค่าลงมา 0.1% เมื่อเทียบกับค่าเงินเยนที่ระดับ 116.43 เยน/ดอลลาร์ โดยภาพรวมปีนี้ค่าเงินเยนปรับอ่อนค่าแล้ว 3.3% ขณะที่เช้านี้ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงมาที่ระดับ 102.08 จุด
ผลการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯเมื่อคืนนี้ พบว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาดีขึ้นเกินคาด โดยมีผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลง 10,000 รายในสัปดาห์ที่ผ่านมา สู่ระดับ 265,000 ราย ซึ่งข้อมูลล่าสุดยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 300,000 รายมาอย่างยาวนานติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 94 จึงยังถือว่าภาพรวมสัญญาณของตลาดแรงงานนั้นยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
ทั้งนี้ ยอดส่งออกสหรัฐฯในเดือนที่ผ่านมาปรับตัวลดลงจึงกดดันให้ปริมาณยอดขาดดุลการค้าของประเทศเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ที่ผ่านมายังส่งสัญญาณเชิงบวกต่อตลาดแรงงาน
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวว่า ยอดส่งออกของประเทศเดือนพฤศจิกายนปรับตัวลงมาที่ระดับ 1.2 พันล้านเหรียญฯ ขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 2.2 พันล้านเหรียญฯ
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิด -0.5% ที่ระดับ 53.77 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ Brent ปิด -0.1% ที่ระดับ 56.14 เหรียญ/บาร์เรล โดยน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังจากที่ EIA เผย สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯออกมาเพิ่มขึ้นกว่าที่คาดการณ์ที่ระดับ 614,000 บาร์เรล
ผลสำรวจรอยเตอร์ส พบว่า มีโอกาสที่ราคาน้ำมันดิบจะค่อยๆปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 60 เหรียญ/บาร์เรล ในช่วงสิ้นปี 2017